📝 เอาแผนการเทรดในแต่ละวันมาฝากครับ

สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าควรจะ #TakeProfit และ #Stoploss เท่าไหร่ ⁉️ สามารถเอาไปปรับใช้กับบัญชีตัวเองดูได้นะครับ 👍

💬อย่างที่ผมเคยบอกไปในโพสของ R:R หรือการหาค่า Risk : Rewards ซึ่งเราสามารถคำนวณได้หลายแบบมากๆ 🧮 .ยังไงลองดูนะครับ 🤔

#TraderTan ✍🏼

Nonfarm Payrolls คือ อะไร⁉️

Nonfarm Payrolls 🌾🌾🌾 คือ ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่สำคัญของสหรัฐ 🇺🇸

📌.ที่ประกาศทุกๆ วันศุกร์แรกของแต่ละเดือน ผ่านทางการรวบรวมตัวเลขทางสถิติการจ้างงานในภาคการบริการ, ก่อสร้าง, อุตสาหกรรม 🏭

โดยไม่นับรวมไปถึงการจ้างงานในภาคการเกษตร, ในครัวเรือน และ ในองค์กรไม่แสวงหากำไรโดยกรมสถิติแรงงานของสหรัฐ 🇺🇸

ซึ่งปริมาณการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ↗️ หรือ ลดลง ↘️ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น

ใช้สะท้อนการขยาย หรือ หดตัวทางเศรษฐกิจ
หากตัวเลขการจ้างงานลดลงเชื่อว่าจะมีผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ 🌐

แต่หากตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นก็เชื่อว่าจะส่งผลกระทบที่เป็นบวกกับเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน ➕

โดยปรกติคนส่วนใหญ่จะเลี่ยงที่จะเทรดช่วงเวลาที่มีข่าว

แต่หากเราอยากจะเทรดช่วงนี้ก็สามารถทำได้ ด้วย

การเปิดคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Pending Order)📤
ให้เทียบเวลาที่ข่าวในปฏิทินจะออก กับช่วงเวลาที่เราจะเข้าออเดอร์

โดยใช้กรอบเวลา M1 หรือ M5 โฟกัสมาที่ช่วงก่อนเวลาที่ข่าวจะออกชัก 2-3 นาที ณ ตอนนั้น
แล้วใช้คำสั่ง Pending Order วางคำสั่ง #BuyStop และ #SellStop ดังนี้👇

1.) ยึดจากระดับราคาสูงสุด (กรณี Buy Stop) หรือต่ำสุด (กรณี Sell Stop) ของช่วง 10-15 นาทีที่ผ่านมา

2.) ราคาที่วางไม่ควรใกล้เกิน 8 จุด จากระดับราคาในปัจจุบัน เพื่อลดการขาดทุน

3.) เพื่อประกันชีวิตของพอร์ต ตั้ง #StopLoss ในระดับ 3-4 สเปรดจากราคาปัจจุบันของคู่สกุลเงินดังกล่าว

4.) กำหนดวาง #TakeProfit ที่ระดับ 80 – 90 จุด หรือ ตามที่คุณเชื่อว่าราคาสามารถไปถึง (ระวังด้วยถ้าตั้งห่างไปจะไม่ได้กินเพราะความโลภ).

ยังไงลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ📝
#TraderTan

นักเทรดควรมีแผนสำหรับเวลาที่จุดอ่อนของคุณปรากฏขึ้น ‼️

นักเทรด แต่ละคนมีจุดอ่อน และ จุดแข็งของตัวเอง เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสังเกตเห็นจุดอ่อนของคุณ

เช่น บางคนไม่ยอม #StopLoss (SL) หรือหยุดขาดทุน (และปล่อยให้ยอดขาดทุนมันใหญ่ขึ้น) 📈

หรือบางคนอาจไม่ยอมหยุดเมื่อถึง #TakeProfit (TP) หรือยอดที่กำไรตามเป้าแล้ว 🎯(และเทรดต่อจนสุดท้ายกลับขาดทุนแทน) 😭

จุดอ่อนดังกล่าว☝️อาจทำให้เกิดการสูญเสียอย่างรวดเร็ว 💥🤬

📝.ดั้งนั้นคุณต้องมีแผนไว้สำหรับลองรับสิ่งที่คุณจะทำเมื่อคุณสังเกตเห็นว่า 👀"ตัวเองกำลังจะทำหนึ่งในข้อผิดพลาดเหล่านี้"

เช่น 🎮อาจจะบังคับตัวเองให้ทำการปิดการซื้อขายทันทีตามด้วยการพักการเทรด 10 นาที เป็นต้น 👍👍👍

สาเหตุที่ทำให้ Over Trade ⁉️

1.) ความโลภ : เป็นปัญหาอันดับแรกที่ทำให้พอร์ตของเราเสียหาย ยิ่งอยากรวยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ขาดสติมากขึ้นเท่านั้น ‼️ จงทำให้เกิดความหวังว่า"ในการซื้อขายแต่ละครั้ง จะต้องได้กำไรอย่างมหาศาล" ทำให้เมื่อเปิด Position ขนาดใหญ่ขึ้น จนเกินตัวทำให้เกิด Over Trade ได้ง่าย และก็หนีไม่พ้นคำว่า"ล้างพอร์ต" นั้นเอง

2.) อารมณ์โกรธ: อยากได้คืน การที่เทรดเดอร์ขาดทุนติดต่อหลายๆครั้ง หรือ ขาดทุนเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แล้ว เทรดเดอร์อยากได้คืน (เพราะเสียดาย) จนทำให้ขาดสติ เพื่อหวังว่า"จะได้คืน" ก็เลยโอเทรดเดอร์จนได้

3.) Over Trade เพราะ ระบบเทรดของเราเอง
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ มักจะเทรดด้วยระยะเวลาสั้นๆ ซื้อขายในระยะเวลาอันรวดเร็วแต่ก็ไม่ใช่ผลเสีย

ผลเสียของระบบเทรด Over Trade คือ เมื่อขาดทุนแล้ว ถึงเวลา #StopLoss จะต้องหยุดขาดทุนอย่างรวดเร็ว แต่เทรดเดอร์ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่ มักจะไม่กล้าตัดสินใจ #StopLoss อย่างเด็ดขาดซักที เนื่องจากว่า"แอบหวัง ราคาจะกลับตัวไปในทิศทางที่เขาคิดเอาไว้นั้นเอง" จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เทรดเดอร์ล้างพอร์ตไปในที่สุด

การตั้งค่าแพลตฟอร์ม #OlympTrade

มีตัวเลือกในการปรับแต่งการตั้งค่าบางอย่างของ แพลตฟอร์มการซื้อขาย ที่คุณกำลังใช้งานเพื่อให้มันเหมาะกับคุณที่สุดอยู่เสมอ เพื่อที่จะเข้าถึงส่วนของการตั้งค่าให้คุณกดไอคอนการตั้งค่าที่อยู่ด้านล่างซ้ายของ อินเตอร์เฟซ 🖥

คุณสามารถแก้ไขฟีเจอร์ได้ดังต่อไปนี้: 👇

1.) 🇹🇭ภาษาของแพลตฟอร์ม

2.) 🔊เสียง คุณสามารถเปิดหรือปิดเสียงบนแพลตฟอร์ม

3.) ธีมสี คุณมีอยู่ XNUMX ตัวเลือกที่นี่ คือจะเป็นรูปแบบมืดหรือสว่าง อะไรก็ตามที่ดูได้ง่ายกว่าสำหรับคุณ

4.) 🖱 การเทรดแบบคลิ๊กครั้งเดียว ถ้าหากคุณทำเครื่องหมายที่หน้าต่างนี้ ตำแหน่งที่คุณตัดสินใจเปิดจะถูกเข้าโดยไม่มีการยืนยันเพิ่มเติม ✅

5.) ปิดด้วย 1 คลิ๊ก คุณสามารถปิดและขายการเทรดได้ด้วยการคลิ๊กหนึ่งครั้ง ✅

6.) การเทรดที่รอดำเนินการ หากคุณมีความสนใจในคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ มันก็เป็นความคิดที่ดีที่จะแสดงตัวเลือกนี้บนแผนภูมิ 📊

7.) ตัวคูณ ฟังก์ชั่นนี้จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อคุณเลือกซื้อขาย #Forex ถ้าหากช่องนี้ถูกทำเครื่องหมาย คุณจะเห็นตัวแก้ไขตัวคูณบนแผนภูมิ

8.) #TakeProfit และ #stoploss ตัวเลือกนี้จะแสดงตัวแก้ไขที่เกี่ยวข้องบนหน้าต่างของแพลตฟอร์มขณะที่ทำการซื้อขาย #Forex

เลือกแนวรับแนวต้านอย่างไรดี ⁉️

สำหรับเรื่องนี้เป็นคำถามที่หาคำตอบกันมานมนานในโลกแห่งการลงทุน แต่ละคนก็จะคอยถามผู้รู้ ถามกูรูว่า "แนวรับแนวต้านที่สำคัญ ดูอย่างไร อยู่ตรงไหนบ้าง ⁉️ "

🔅 จากประสบการณ์ของผม ก่อนจะถามว่าแนวรับแนวต้านที่สำคัญอยู่ตรงไหนบ้าง ⁉️

คุณต้องถามตัวเองก่อนว่าตัวเองเทรดแบบไหน❓ เก็บสั้น❓ เก็บยาว❓เพราะวิธีการเทรด
ของคุณจะส่งผลต่อ Time Frame ที่คุณเลือกจะเทรดและเมื่อคุณเลือกจะเทรดใน Time Frame ใดแล้ว ความสำคัญของแนวรับแนวต้านก็จะเปลี่ยนตามกราฟ
ที่คุณเลือก ✅

อย่างวิธีการเทรดของผม ผมจะเทรดที่กราฟ 5 นาที สิ่งที่ผมจะมองหาในแต่ละวันคือ

🔴 Swing High สูงสุด/ Swing Low ต่ำสุดของกราฟเมื่อวาน
🔴 Swing High/ Swing Low ล่าสุดของกราฟวันนี้
🔴 ลาก Fibonacci จาก Swing High สูงสุด/ Swing Low ต่ำสุดของกราฟเมื่อวานดูที่ 50% แล้วใช้ตรงนั้นเป็น Pivot

เมื่อได้แนวเหล่านี้ในแต่ละวันแล้วที่เหลือก็คือการมองพฤติกรรมของราคาให้ออกครับ ส่วนการตั้ง #StopLoss และ #TakingProfit ผมจะไม่ตั้ง Stop Loss

เพราะเมื่อสามารถมองสวิงของราคาออกจาก 3 ข้อด้านบน ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งให้เป็นกรอบของราคาหรือให้ราคาเหวี่ยงไปกินเล่น ถ้าทะลุไปผมทำใจคัททิ้งได้โดยไม่เสียดาย

ดังนั้น: การคัททิ้งจึงเป็น Stop Loss ของผมเองส่วน Taking Profit ผมจะรอให้ราคาวิ่งไปก่อนสักสวิงแล้วค่อยตั้ง #TrailingStop (#Forex) ไล่ไปเอาครับ

#TraderTan

มีแผนการเทรดอย่างชัดเจน 📝💹

👴👵🏻 อย่างที่ผู้เฒ่า ผู้แก่ กล่าวไว้ว่า "การล้มเหลวในการวางแผน เป็นแผนสำหรับความล้มเหลว" การเทรดในตลาด #Forex นั้น เหมือนกับการ พายเรือในทะเล 🚣‍♀️🌊.

คุณจะไม่สามารถไปไหนได้เลย ถ้าไม่มี เข็มทิศ และตัวนำทาง 🧭 อะไรเป็นจุดประสงค์ของการเทรด ⁉️ คุณคาดหวังจะได้กำไรจากการเทรดเท่าไหร่⁉️ เมื่อไหร่ถึงจะเข้าไปในตลาด⁉️ จะลงทุนเท่าไหร่⁉️ จะออกจากตลาดที่ราคาเท่าไหร่⁉️

ถ้าทั้งหมดไม่เป็นไปตามแผน จะ #stoploss เมื่อไหร่ ⁉️ จะทนต่อความเสี่ยงได้ขนาดไหน⁉️ แผนการเทรดที่ดี อย่างน้อยควรจะตอบคำถามทั้งหมดนี้ได้

ถ้าแผนการเทรดของคุณไม่ประสบผลสำเร็จ ตรวจสอบและแก้ไข แผนการเทรดของคุณ ค้นหาสิ่งที่ผิดพลาด แล้วเรียนรู้จากมัน ‼️

ถ้าใครที่ติดตามอ่าน "ลักษณะของ Pin Bar " แล้ว ‼️
ผมอยากให้เพื่อนๆลองเลื่อน Time Frame เล็ก ๆ อย่าง 5 นาที, 15 นาที หรือ 30 นาที มาเทรดใน Time Frame ระดับ Day ดูบ้างนะครับ 🤔

สาเหตุก็เพราะ แท่งเทียนที่เกิดระดับ Day มีน้ำหนักสำหรับใช้ในการตัดสินใจเทรดมากกว่า แท่งเทียนใน #TimeFrame ต่ำ ๆ ครับ

ดังนั้น จิตวิทยาของ Pin Bar Signal ที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ จะเป็นคำอธิบายการเกิด Pin Bar ในระดับ Day เป็นหลักครับ

รูปแบบนี้เป็นรูปแบบของการเกิด False-break ระหว่างวัน พูดง่าย ๆ คือ เป็นการ #Breakout หลอก นี่จึงเป็นเหตุที่ว่า "ทำไมกลยุทธ์การเทรดแบบ Trend-Following จึงทำกำไรได้ยากในตลาด Forex ⁉️"

เพราะ ในตลาด #Forex มีการเกิด False-Break เยอะมากครับ และ 1 ในนั้นก็คือ การเกิด Pin Bar Signal

ตัวอย่างเช่น: การเกิด Bullish Pin Bar 🔺 จะเกิดเมื่อมีแรงขายกดราคาอย่างต่อเนื่อง แต่ต่อมาก็มีแรงซื้อสวนกลับขึ้นมาจนแรงขายต้านไม่อยู่ ทำให้แรงซื้อชนะ และจบวันด้วยการเกิดแท่งเทียน Pin Bar ขึ้น (พูดง่าย ๆ ก็คือ กระทิงชนะหมี)

กลับกันใน Bearish Pin bar 🔻เพื่อจะให้เห็นภาพชัดเจน ดูจิตวิทยาการเกิด Bullish Pin Bar ได้ตามรูปประกอบเลยครับ

จากภาพ 🖼 ผมขออธิบายจิตวิทยาการเคลื่อนที่ของ Pin Bar โดยใช้ OHLC Movement ประกอบนะครับนี้ครับ จะได้เห็นภาพชัดเจน
จะเห็นว่า การเกิดแท่งเทียน Pin Bar จะเกิดได้ 2 แบบ ตามรูปครับ

โดยทั้ง 2 แบบ ราคาเปิด (#Open) กับ ราคาปิด (#Closed) จะอยู่จุดเดียวกัน ต่างกันที่ระหว่างวันจะวิ่งลงก่อนหรือวิ่งขึ้นก่อนเท่านั้น ‼️

แต่เราไม่สนใจตรงนี้ครับ สิ่งที่เราสนใจคือ เส้นสีแดงที่วิ่งลง จะเป็นเส้น Breakout คือ Breakout ระหว่างวัน ถามว่า Breakout อะไร ⁉️

:คำตอบก็คือ Breakout แนวรับไงครับ ‼️

ถ้าเทรดเดอร์คนไหนที่รู้จักแต่กลยุทธ์การเทรดแบบ Trend-Following อย่างเดียว บอกได้เลยครับว่า "คุณจะทำกำไรในตลาด Forex ยากละครับ" 😱😱😱

เพราะ คุณจะเปิด Sell Order ตรงจุดที่มัน Breakout เพราะ คิดว่ามันหลุดแนวรับจริง แต่ต่อมาเห็นไหมครับว่า ราคาพุ่งขึ้นแรงมาก สังเกตตรงเส้นสีเขียวตรงที่เขียนว่า Rebound (False-break) จุดนี้แหละครับ ที่ผมถึงบอกว่าทำไมมันยาก เพราะ มันไม่ได้ Breakout จริงไงครับ ‼️

ตรงเส้นสีเขียวนี่แหละครับ ที่ทำให้กลยุทธ์แบบ Trend-Following ใช้ไม่ได้ผล และโดน #StopLoss ไปโดยปริยาย จนสุดท้ายราคาปิดและเผยให้เห็นว่า เป็นแท่งเทียน Pin Bar ซึ่งก็คือ สัญญาณ Buy Order นั่นเอง ‼️

ผมขอไม่ยกตัวอย่างการเกิด Bearish Pin Bar นะครับ เพราะ ไม่งั้นบทความนี้จะยาวมาก ๆ เอาเป็นว่าเกิดเหมือนกับ Bullish Pin Bar แต่เปลี่ยนฝั่งกันเท่านั้นครับ

ไว้ต่อบทความหน้านะครับ 🔜 📚 อย่าลืมกดติดตามทุก Channel ของผมนะครับ 🙏

🎯.จุดประสงค์เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์ที่ Overbought/Oversold

ในการเทรดสวนเทรนด์ โดยจะมีการตั้งค่าดังนี้: 👇

BB ชั้นใน (สีเขียว): 20, 2 (ค่าเริ่มต้น)
BB ชั้นนอก (สีฟ้า): 20, 3

เหมาะสำหรับ: Fixed Time และ Forex
ไทม์เฟรมที่แนะนาที: TF 15 m ขึ้นไป 🆙

* ยิ่งใช้ไทม์เฟรมใหญ่ขึ้น ความแม่นยำยิ่งเพิ่มขึ้น 🔺
* ยิ่งใช้ไทม์เฟรมเล็กลง ความแม่นยำยิ่งลดลง 🔻

วิธีใช้: ⚙️

* รอให้กราฟทะลุเข้าพื้นที่ #BollingerBands ชั้นนอก (สีฟ้า) 🔵
หรือทะลุออกนอกขอบไปเลย

* เทรดแบบหมดอายุ (เลือก ⏰ Clock แล้วเลือกเวลาจบการเทรด)
ตามไทม์เฟรมที่เลือกใช้ โดยเลือกให้จบภายในแท่งเทียน 📊
ปัจจุบันนี้ (จบแท่งต่อแท่ง) หรือจบในแท่งเทียนถัดไป 🔜

* ยิ่งทะลุออก Bollinger Bands ชั้นนอก (สีฟ้า)🔵 มากเท่าไหร่ ‼️. ยิ่งแสดงให้เห็นถึงจุด #Overbought / #Oversold ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ‼️และ ควรสังเกตแท่งเทียนก่อนหน้านี้ด้วยว่า ส่วนใหญ่มีการกลับตัวทันทีในแท่งเดียว 🔄 หรือ แทบจะไม่มีไส้เทียนแต่กลับตัวในแท่งถัดไป เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าเราควรเลือกเทรดสวนให้จบในแท่งเทียนปัจจุบันนี้หรือควรเลือกให้จบในแท่งเทียนถัดไป

(สามารถใช้ได้ทั้งในคอม 🖥, เบราเซอร์และแอพในมือถือ📱)

ข้อควรระวัง: ⚠️

* หาก Bollinger Bands ทั้งสองชั้น ขยายออกกว้าง หรือฉีกออก
จนมีลักษณะคล้ายกับงูอ้าปาก มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่กราฟ
แท่งเทียนช่วงนี้จะยังไม่กลับตัวในเร็วๆนี้ 🤔

และกราฟจะลากไปในทิศทางเดียวต่อ(ขึ้นยาว/ลงยาว)↕️ เป็นสีเดียวล้วน สามารถเทรดตามเทรนด์ หรือเทรดตามสี (Color By Color) ได้ซักระยะจนกว่า
ขอบ Bollinger Bands ทั้งสองชั้นจะมีลักษณะโค้งงอเค้าหากัน
นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากราฟกำลังจะมีการกลับตัวในเร็วๆนี้้ 👍

คำเตือน: 🚫

ทุกเทคนิคล้วนมีความเสี่ยง และมีข้อยกเว้นได้เสมอ ขึ้นอยู่กับ
ปัจจัยต่างๆที่อาจส่งผลต่อสภาวะตลาด ณ ขณะนั้น จึงควรที่จะมี
#TakeProfit และ #StopLoss เป็นของตนเองในแต่ละวัน ควบคู่
กับการบริหารจัดการทางการเงิน (#MoneyManagement) ที่
เหมาะสมต่อเงินทุนของตนอยู่เสมอ

🙏ขอบคุณครับ...อ่านจบแล้ว
#TraderTan

⛔️ เลิกทำร้ายตัวเอง(และเงินในพอร์ต)เมื่อไปไม่ถึงเป้าหมาย 🎯
หรือเวลาผิดหวังจากการเทรด ในที่นี้คงไม่ใช่การกรีดข้อมือ 🔪🤙
หรือการสร้างบาดแผลภายนอกทางกายภาพใดๆ
แต่เป็นการฝืนสังขารตนเองให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
และในเวลาที่ไม่ควรทำ ไปจนถึงขั้นละเลยสิ่งสำคัญบางอย่างในชีวิตประจำวัน
ที่หากดูเพียงผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มีความสำคัญที่เชื่อมโยงกัน
และเกี่ยวข้องต่อการเทรดด้วย เช่น...👇👇👇

1.) 📱หยิบมือถือดูกราฟทันทีที่ตื่นนอน ทั้งที่เวลาตื่นนอน
สิ่งสำคัญที่สุดอันดับแรกๆคือ 🥘 การทานอาหารเช้า, 🛁 อาบน้ำ, ล้างหน้า🚿,
แปรงฟัน (🚶‍♂️ออกกำลังกายเบาๆ 💼 หรือแต่งตัวเตรียมออกเดินทางไปทำงาน)
เพราะหากเราหยิบมือถือขึ้นมาดูกราฟเป็นอย่างแรก มันมักจะไม่จบแค่ 5-
10 นาที แต่มันจะลากยาวต่อไปเรื่อยๆ ส่งผลเสียให้เราอาจผิดเวลาทานอาหารเช้า
ซึ่งร่างกายและสมองต้องการสารอาหารจากมื้อแรกของวันเป็นอย่างยิ่ง ‼️

ลองนึกดูว่าหากเราต้องใช้สมองในการเทรด 🧠💡
แต่เราไม่ให้สารอาหารกับก่อน คงไม่ต่างอะไรกับเราอยากใช้มือถือ
แต่ไม่ยอมชาร์จแบตให้มันก่อนดูสิ, 🤔

🧼 การล้างหน้าแปรงฟันช่วยให้เราสดชื่นยามเช้า,
การออกกำลังกายแต่พอเหมาะอย่างสม่าเสมอ 🏃‍♂️ ช่วยให้สมองหลั่งสาร
เอ็นโดรฟิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) 💖 ช่วยลดความเครียดสะสม
และเพิ่มความสุขในการทำสิ่งต่างๆ รวมไปถึงสารสำคัญต่างๆที่จำเป็น
ต่อการใช้สมาธิในการคิดวิเคราะห์

(ถ้าให้เลือกระหว่าง 💖 “มีความสุขกับการเทรด” กับ
“มีความเครียดกับการเทรด” 😰 เราอยากได้เป็นไหน ⁉️)

2.) วางมือถือไม่ลงก่อนนอน 💤
ทั้งที่ควรเป็นเวลาที่ร่างกายและสมองต้องได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่าง
เพียงพอจึงจะช่วยให้มีสมาธิพร้อมรบเมื่อกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง

แต่ก็บ่อยครั้งที่ “คนติดกราฟ” มักจะคิดเหมือน “คนติดเกม 🎮” ว่า
“ขอต่ออีกนิดน่ะ, ขออีกไม้น่ะ, เดี๋ยวจะนอนแล้วขออีกตาน่ะ”
กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เสียชั่วโมงนอนไปไม่น้อยแล้ว 😁

ยิ่งโดยเฉพาะนักศึกษาที่มีคาบเรียนตอนเช้า 👨‍🎓
และ 👩‍💻 พนักงานอ็อฟฟิศที่ต้องรีบตื่นไปทำงานแต่เช้า
การมีชั่วโมงนอนที่เพียงพอนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
(โดยเฉพาะเหล่าฟรีแลนซ์ทั้งหลาย)
เพราะหากวันไหนไม่ได้รับอย่างเพียงพอ
อาจส่งผลเสียทำให้เราไม่สามารถทำงานดีๆออกมาอย่างเต็มที่ได้

3). ทำร้ายเงินในพอร์ต 💰
เวลาที่เราเทรดเสียขาดทุนครบจำนวนที่เราตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะต้องหยุด
(#StopLoss)แต่ด้วยความแค้นที่สูญเสียจึงเลือกที่จะไม่หยุดเพราะ
อยากจะเอาคืนเดี๋ยวนั้น และเวลาที่เราเทรดได้กำไรครบจำนวนที่เราตั้งเป้าไว้แล้ว
ว่าจะต้องหยุด (#TakeProfit) แต่ด้วยความโลภที่เห็นว่าตอนนี้มือกำลังขึ้น
เลยเลือกที่จะไม่หยุดเพราะอยากได้อีกเยอะๆอยากรวยเร็วๆ ‼️
ซึ่งการละเลย Take Profit กับ Stop Lossเช่นนี้มักจะนำไปสู่การสูญเสียมากกว่าได้

จนในที่สุดพอร์ตที่ทนการถูกทำร้ายด้วยความโลภหรือความแค้นนี้ไม่ไหว
ก็ต้องล้างไปอีกครั้ง 😭😭😭

ยิ่งเราทำร้ายตัวเอง (และเงินในพอร์ต) มากเท่าใด ‼️ เรายิ่งจิตตก 😱
เรายิ่งกดดัน 😨 เรายิ่งขาดความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจ
และกว่าเราจะรู้ตัวอีกที เราก็กำลังเทรดด้วย ความกลัว 🙀, ความโกรธ😡,
และความโลภ 🤑(ซึ่งเป็นสามอารมณ์คนจน) ไปซะแล้ว ‼️

ทว่าทั้งหมดที่กล่าวมานั้น สามารถแก้ไขและปรับปรุงได้ง่ายมากๆครับ
นั่นคือ “พักบ้าง” อนุญาตให้ตัวเองได้พักสายตาจากหน้าจอบ้าง
และระหว่างที่กำลังพักนี้

🔸 ลองให้เวลากับคนที่เรารักมากขึ้น❣️📈,
🔸 ลองให้เวลากับตนเองมากขึ้น, ลองให้เวลากับการศึกษามากขึ้น,
🔸 ลองให้เวลากับการฝึกเดโม่มากขึ้น,
🔸 ให้เวลาสะสมประสบการณ์มากขึ้นอีกนิด

แล้วเราจะพบว่าผลการเทรดของเราค่อยๆดีขึ้นตามประสบการณ์ครับ
เพราะ "ประสบการณ์จะมอบผลลัพธ์ที่คู่ควรกับเราเสมอ" 👍👍👍

📖....อ่านจบแล้วครับ...ขอบคุณครับผม 🙏
กด #Like & #Share ให้ด้วยนะครับ

#TraderTan 📝

⏰ เวลาที่การเทรดของเราไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ (โดยเฉพาะ #Forex)
เทรดเดอร์มือใหม่หลายคนคงเคยได้ยินวลีเด็ด เช่น “ไม่ขายทิ้ง ไม่ขาดทุน”

โดยหวังว่าซักวันนึงเดี๋ยวมันก็คงจะกลับมาบวกเองแหละ 😌
จึงทนถือมันต่อไป, ทนดูมันลบเงินในพอร์ตไปเรื่อยๆ, เลื่อน #StopLoss
ออกไปเรื่อยๆ, เติมเงินกันลากหมดพอร์ตไปเรื่อยๆ

ด้วยความรังเกียจประวัติการเทรดที่ต้องแปดเปื้อนด้วยตัวเลขสีแดง
🙀 ไม่กล้ายอมรับในวันที่ #WinRate ของเราต้องตกลงมาต่ำกว่า 50% 📉

ขณะที่เทรดเดอร์มืออาชีพ หรือ ผู้ที่มองการเทรดเป็นธุรกิจนั้น
จะไม่ต่อราคาเมื่อต้องตัดขาดทุน, เมื่อรู้ว่าตนคิดผิด
จะยอมรับมันด้วยความเต็มใจ และ อนุญาตให้ Stop Loss
ได้ทำหน้าที่ของมันตามแผนที่วางไว้

เหมือนเป็นการตัดเนื้อร้ายทิ้งก่อนที่มันจะลุกลามจนกลายเป็นมะเร็งพอร์ต
ในที่สุด ✂️🍖

🎯 เพราะพวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าพวกเขาเข้ามาในตลาดนี้ไม่
ได้เพื่อมาเอาชนะ แต่เพื่อมาเอากำไร 💰

สำหรับพวกเขา Win Rate
(จำนวนไม้ที่ชนะ) นั้นไม่สำคัญเท่ากับ #Profit / #ReturnRate
(จำนวนเงินหรือผลตอบแทนที่ได้รับ) 💸

ชนะทุกครั้งไปทำไม⁉️. ถ้าสุดท้ายต้องขาดทุน
แพ้บ้างก็ได้ ‼️ ถ้าตอนจบคือกำไร 💸💸💸

" การลงทุน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ คนต่างหาก ที่เป็นปัญหาใหญ่ "

อ่านจบแล้วครับ...ขอบคุณครับผม
อย่าลืม กด #Like & #Share ให้ด้วยนะครับผม

#TraderTan 📌

คุณอาจสงสัยว่า 🤔 “ถ้าเราไม่เอาชนะแล้วเราจะมาเทรดกันทำไม❓”
ใช่มั้ยล่ะครับ❓ การเลิกเอาชนะในที่นี้นั้นหมายถึง...

เลิกเอาชนะตลาด ด้วยการเสาะแสวงหาสูตรอมตะหรือสูตรไร้พ่ายต่างๆ
เพราะสูตรเดียวที่จะทำให้เราอยู่รอดและเติบโตในตลาดได้นั้น คือ “วินัย”
เช่น วินัยทางการเงิน (#MoneyManagement),

วินัยในการเทรดและการจำกัดความเสี่ยง (#RiskManagement) เช่น
การถึงเป้าหมายแล้วควรต้องหยุดพัก (#TakeProfit, #StopLoss)
ไม่ใช่เห็นกราฟสวยก็เลยเทรดไปเรื่อยๆ ‼️

เลิกเอาชนะผู้อื่น ด้วยการลงเงินที่หนักกว่า
เพียงเพื่อโชว์กำไรที่สูงกว่าเป็นหลักร้อย / หลักพัน
เพียงเพื่อจะอวดว่าสูตรฉันเจ๋งกว่า / ฝีมือฉันเจ๋งกว่า‼️

เพราะนั่นหมายถึงเรากำลังเอาเงินของเราไปเสี่ยงกับความสะใจเพียง
ชั่ววูบ แต่ถ้าแพ้ คนที่เจ็บหนักที่สุดและนานที่สุดคือตัวเราเอง 🤕

เลิกเอาชนะโบรคเกอร์ ด้วยความเอาแต่ใจ / เอาแต่ได้ ของเราเพียง
เพราะว่าเรามีสถานะเป็น "ลูกค้า"

ทว่าตราบใดที่เรายังคงเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเค้าในตลาดนี้
จะชอบหรือไม่ ⁉️ เราก็ยังคงต้องเล่นตามกฎกติกาของเค้าอยู่วันยันค่ำ

ถึงแม้บางคนจะบอกว่าเราเอาเงินมาให้โบรคตั้งเยอะโบรคต้องตามใจเราสิ
แต่ลองถามตัวเองจริงๆดูสิครับว่าลึกๆแล้ว

“เราอยากเอาเงินมาให้โบรคเยอะๆตั้งแต่แรก
หรือเราอยากเข้ามาเอาเงินจากโบรคเยอะๆตั้งแต่แรก” จริงๆกันแน่ ⁉️
ตราบใดที่โบรคเกอร์ยังอยู่ได้เราก็ยังมีโอกาสเข้ามาเอาเงินจาก
โบรคต่อไปได้ ✅

แต่หากโบรคอยู่ไม่ได้แล้วเราจะเข้ามาเอาเงินจากโบรคได้เช่นไร❓
ไม่ว่าโบรคจะเปลี่ยนกฎกติกาซักกี่ครั้ง
เทรดเดอร์มืออาชีพก็ยังคงเข้ามาเอาเงินจากโบรคได้มากกว่าเอาเงินมาให้
โบรคอยู่เสมอ ‼️

ฉะนั้นการที่เรา งอน/น้อยใจ/เลิกคบ
กับโบรคนั้นจึงมิใช่คำตอบ 💬

เพราะหากโบรคใหม่ที่เราย้ายไปอยู่เปลี่ยนกฎกติกาเมื่อไหร่ ‼️
เราจะต้องย้ายไปโบรคอื่นๆต่อไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนั้นหรือ❓
คำตอบสำหรับผมคือ “การปรับตัว” ให้เหมาะสมต่อความเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ตาม

ทุกคนล้วนต้องพร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอเพื่อให้เติบโตต่อไปได้
(ไม่ว่าจะโบรคเกอร์, เทรดเดอร์, ตลาด, ฯลฯ)

สิ่งเดียวที่เราสามารถเอาชนะได้ไม่ยาก และควรเอาชนะอย่างยิ่งคือการ
“เอาชนะตนเอง” เพราะในตลาดเงินเราคือเทรดเดอร์ ไม่ใช่เกมเมอร์
(เกมเมอร์ มีหน้าที่เอาชนะ ส่วนเทรดเดอร์ มีหน้าที่เอากำไร)

อ่านจบแล้วครับ..

ขอบคุณครับ...#TraderTan

🛑 4 เทคนิค #StopLoss แบบเทรดเดอร์ชั้นเซียน

#Part1

ผมกล้าบอกได้เลยว่าการ Stop Loss เป็นสิ่งสำคัญมากในการเทรด

เพราะ การ Stop Loss นี่แหละครับ คือเครื่องมือที่ทำให้เราไม่ขาดทุนหนัก
เปลี่ยนการ ขาดทุน ไปเป็น ต้นทุน ในการทำธุรกิจการเทรด
ทำให้เราสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างชัดเจน

เทคนิคที่ 1️⃣ : ไม่กำหนด #Pips แบบเดาสุ่ม เมื่อตั้ง Stop Loss

นี่คือข้อแรกที่สำคัญมาก แต่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ นั่นก็คือ การตั้ง Stop Loss ที่ดี ไม่ใช่การตั้ง Stop Loss โดยกำหนด Pips แบบเดาสุ่ม
การกำหนด Pips แบบเดาสุ่มเป็นยังไง ⁉️

อธิบายง่าย ๆ เช่น สมมติว่าเราเทรดคู่เงิน #EURUSD 🇪🇺🇺🇸แล้วกำหนดไปว่า
ตั้ง Stop Loss ที่ 50 pips ละกัน

โดยไม่มีที่มาที่ไปที่อธิบายได้อย่างมีเหตุผลว่าทำไมถึงตั้ง Stop Loss ที่จุดนี้
จากประสบการณ์ที่ผมเจอ คือ ทุกคนจะอธิบายตรงกันว่า “คิดว่าราคาไม่น่าจะวิ่งมาชนจุด Stop Loss นี้” ผมบอกได้เลยว่า “ความคิดนี้ผิดอย่างแรง‼️”

ผมขอตอบเลยว่า ราคาวิ่งไปได้ทุกที่ ที่มันอยากจะไปครับ ‼️ เพราะ นี่คือธรรมชาติของตลาด #Forex ตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความคิดของคุณ (ที่ยังฝึกฝนมาไม่ดีพอ) ไม่มีทางชนะ พวกเทรดเดอร์ชั้นเซียนที่คุมเงินหลายล้านเหรียญได้ ‼️

สิ่งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ มันมีวิธีที่ดีกว่า การตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่ม ครับ ซึ่งผมจะอธิบายในหัวข้อถัดไป แต่ผมอยากให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ จำให้ขึ้นใจเลยว่า…อย่าตั้ง Stop Loss เพราะ ตัวเองคิดว่า 🤔… เด็ดขาดครับ ✋

จุด Stop Loss ที่คุณตั้ง ต้องมีเหตุผล อธิบายได้ ไม่ใช่เกิดจากการคาดเดา ที่มีข้อมูลไม่เพียงพอ ไม่งั้นคุณจะโดน Stop Loss บ่อย จนขาดทุนหนักแล้วจิตคุณจะตก จนไม่มี #Focus ในการเทรดเลยครับ

ทำไมผมถึงรู้ข้อนี้และเอามาแบ่งปันทุกท่าน ⁉️ เพราะ เมื่อก่อนผมเคยเป็นครับ เวลาผมเข้าเทรด ผมจะตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่มเอง และ คิดเอาเองว่า ราคาไม่น่าจะวิ่งมาถึง จุดที่ตั้ง Stop Loss แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นเช่นนั้นเลย ราคาวิ่งมาถึงเสมอ ‼️

#ZniperTrade 🎯

4 เทคนิค #StopLoss แบบเทรดเดอร์ชั้นเซียน

#Part2

เทคนิคที่ 2 : ให้ตลาดเป็นตัวกำหนดจุด Stop Loss

ถ้าไม่ให้ตั้ง #SL แบบเดาสุ่มเอาเอง 🤔

คำตอบก็คือ คุณต้องให้ตลาดเป็นตัวกำหนดจุด SL ตลาดจะเป็นตัวบอกคุณเองว่า "คุณควรจะตั้งจุด SL ตรงไหน⁉️" เพราะ คุณต้องไม่ลืมว่า "ราคาที่เคลื่อนไหวในตลาด ก็คือ ผลจากการกระทำของเทรดเดอร์คนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทรดเดอร์รายใหญ่ ๆ ที่มีจำนวนเงินมากกว่าเราหลายเท่ามาก" 😱

ทีนี้เมื่อคุณรู้แล้วว่า " แนวคิดของเทรดเดอร์เก่ง ๆ คือ การตั้ง SL ตามจุดที่ตลาดบอก " 💬

สิ่งที่คุณจะพบเหมือนผมข้อแรกก็คือ คุณจะโดน SL น้อยลง หรือ โดน Stop Loss ยากขึ้น และ คุณจะยังมี #Order ที่เปิดถูกทาง (แต่ไม่โดน SL) มากขึ้นครับ

นี่แหละครับ คือ ข้อดีของการให้ตลาดเป็นตัวบอกว่าเราควรจะตั้ง SL ตรงไหน 👍👍👍

แต่ประเด็นก็คือ แล้วไอ้ที่บอกว่า ตั้ง SL ตามจุดที่ตลาดบอกนี่ล่ะ มันคืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ ⁉️

แนวคิดของเทรดเดอร์ชั้นเซียนที่ว่า “ให้ตลาดเป็นตัวกำหนดจุด SL ก็คือ ตั้งตามแนวรับ-แนวต้าน นั่นเองครับ ‼️ ”

แนวรับ-แนวต้าน นี่แหละครับ คือ ร่องรอยจากการกระทำที่เทรดเดอร์คนอื่น ๆ ทำไว้ เป็นจุดที่เทรดเดอร์เหล่านั้นตัดสินว่า “จะไม่ให้ราคาวิ่งเกินจากจุดนั้น”

หากเราเข้าใจข้อนี้ ชีวิตเราจะง่ายขึ้นมากครับ (สำหรับใครที่ยังหาแนวรับ - แนวต้านไม่คล่อง ผมแนะดูคลิปเทคนิค 👇

“ แนวรับ - แนวต้าน Price Action สำหรับผู้เริ่มต้น ครับ : https://youtu.be/qaUk0KZEgXY) ”

ทำไมชีวิตถึงง่ายขึ้น 🤔⁉️ เพราะ คุณสามารถใช้จุดเหล่านี้ เป็นจุดตั้ง SL ได้เลย โดยที่ไม่ต้องคาดเดาเอาเอง (เพราะตลาดบอกไว้อยู่แล้ว)

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาดูตัวอย่างการตั้ง SL ที่แนวรับ - แนวต้าน กันชัดๆ ครับ

(จาก 2 รูป) จะเห็นว่าพอเกิด 📌 #PinBar ที่แนวรับ และ แนวต้าน Pin Bar ที่เกิดจะแทงทะลุ แนวรับ-แนวต้าน นั้น เราสามารถตั้ง SL เหนือ #High ของ #Bearish Pin Bar เล็กน้อย (กรณี #Sell Order) และ ตั้งต่ำกว่า #Low ของ #Bullish Pin Bar เล็กน้อย

(กรณี #Buy Order) จะเห็นว่า SL ที่ตั้งนั้น เลยจุดที่เป็น แนวรับ-แนวต้าน ไปแล้ว และ เราก็ไม่โดน SL แต่อย่างใด เมื่อราคาพุ่งไปยังทิศทางนั้น 📈📉

#ZniperTrade

4 เทคนิค #StopLoss แบบเทรดเดอร์ชั้นเซียน

#Part3

เทคนิคที่ 3 : Risk : Reward ต้องมาก่อน

Risk : Reward แปลเป็นไทยว่า ผลตอบแทนต่อความเสี่ยง มักเทียบเป็น จำนวนเท่าของความเสี่ยง เช่น หากพูดว่า Order นี้มี #RR ที่ 1:2 หมายความว่าถ้า Order นั้น ชนะ จะได้กำไรเป็น 2 เท่าของความเสี่ยง ⚖️

Risk หาจากไหน ❓ Risk นั้นมักจะเป็นจำนวนเงินที่ได้จากแนวคิดเรื่อง Money Management ครับ ซึ่งเราเรียกว่า R Value หรือ Risk per Trade

เทรดเดอร์ระดับโลกแนะนำว่า คุณไม่ควรตั้ง RR ต่ำกว่า 1:2 ถ้าคุณอยากทำกำไรได้ในระยะยาว หมายความว่า ผลตอบแทนต่อความเสี่ยง ในแต่ละ Order ของคุณ ไม่ควรต่ำกว่า 2 เท่า ของความเสี่ยง ☝️☝️☝️

การคิดในทำนองนี้ ทำให้เราควบคุมผลตอบแทนและความเสี่ยงได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าคุณลองนำมันไปใช้คุณจะรู้ทันทีว่า “ชีวิตคุณง่ายขึ้นเยอะ” 😎

การตั้ง #SL ทุกครั้งเราต้องคำนึงถึง RR เสมอ เพราะ ถ้าจุดที่ตั้ง SL ไกลเกินไปจะทำให้ RR ต่ำลง ราคาต้องวิ่งไกลจึงจะ Take Profit ตามที่เราต้องการ เมื่อราคาต้องวิ่งไกลโอกาสถึงจุด Take Profit ก็จะน้อยลง ✍️

ดังนั้น การตั้ง SL ทุกครั้ง ทั้งจุดเข้า จุดออก และจุด Stop Loss ต้องสัมพันธ์กัน พูดง่าย ๆ คือ คุณต้องวางแผนทุกอย่างไว้ก่อนเข้าเทรดแล้วนั่นเองครับ 🤓

4 เทคนิค #StopLoss แบบขั้นต้นชั้นเซียน

#Part4

เทคนิคที่ 4 : Risk:Reward, Stop Loss และ Position Size รวมเป็นหนึ่ง

เคล็ดลับนี้เป็นเทคนิคสำคัญที่เสาชั้นเซียนบอกว่าใช้เสมอ ‼ วิธีนี้จะทำให้คุณเปลี่ยนการนับผลกำไรจากเป็น Pips หรือเป็นจำนวนเงินไปเป็นความเสี่ยง: ได้รับรางวัล 👍

ทำแล้วยังไง❔ เรามาดูวิธีกันครับขั้น

ตอนแรกเลยคุณต้องมี R Value ประจำตัวก่อนเพราะ R Value นี้จะนำไปใช้ในทุก ๆ คำสั่งซื้อที่คุณเปิดว่าคุณต้องเปิดกี่ล็อตหากตั้งหยุดการสูญเสีย ณ จุดนั้น

มาดูกันครับพอร์ต 10,000 💲 R = 500 💲 เล่นว่าคุณจะเปิด Order คู่เงิน #EURUSD เพราะเจอ Bullish Pin Bar Signal เกิดที่แนวรับคุณหาจุดเข้า (Entry) จุดออก (Exit) และจุด #SL เรียบร้อยแล้ว และพบว่าระยะทางเข้ากับจุดหยุดการสูญเสียห่างกัน 1,000 จุด (100 pips)

เราจะรู้ว่าต้องเปิดกี่ล็อตได้ตามสูตรนี้ครับจำนวน Lot ที่จะเปิด = R Value / SL Points
จากข้างบนจำนวน Lot ที่จะเปิด = 500 $ / 1,000 Points = 0.5 Lot นั่นเองครับ ❗🙏