#News #Update
นายฮิโรกิ โทโทกิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของโซนี่กรุ๊ป คอร์ป เปิดเผยในเมื่อวานนี้ว่า
ทางบริษัทกำลังพิจารณาร่วมมือกับบริษัทไต้หวัน 🇹🇼 เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC)
เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ในญี่ปุ่น 🇯🇵
"การพัฒนาระบบจัดหาเซมิคอนดักเตอร์ได้อย่างสม่ำเสมอนับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
และการตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ก็อาจเป็นทางออกของปัญหานี้" นายโทโทกิกล่าว
ก่อนหน้านี้บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ ประกาศว่า
บริษัทมีแผนจะสร้างโรงงานใหม่ในญี่ปุ่นในปี 2565 และเริ่มเปิดดำเนินการในปี 2567
โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากมีรายงานว่า
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาสนับสนุนทางการเงินแก่ TSMC 💸
เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปในจังหวัดคุมาโมโต้ของญี่ปุ่น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ
มาเป็นเวลานานแล้ว ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ทั่วโลก
นายฮิโรกิ โทโทกิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของโซนี่กรุ๊ป คอร์ป เปิดเผยในเมื่อวานนี้ว่า
ทางบริษัทกำลังพิจารณาร่วมมือกับบริษัทไต้หวัน 🇹🇼 เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC)
เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ในญี่ปุ่น 🇯🇵
"การพัฒนาระบบจัดหาเซมิคอนดักเตอร์ได้อย่างสม่ำเสมอนับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
และการตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ก็อาจเป็นทางออกของปัญหานี้" นายโทโทกิกล่าว
ก่อนหน้านี้บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ ประกาศว่า
บริษัทมีแผนจะสร้างโรงงานใหม่ในญี่ปุ่นในปี 2565 และเริ่มเปิดดำเนินการในปี 2567
โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากมีรายงานว่า
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาสนับสนุนทางการเงินแก่ TSMC 💸
เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปในจังหวัดคุมาโมโต้ของญี่ปุ่น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ
มาเป็นเวลานานแล้ว ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ทั่วโลก
#News #Update
บริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 🚗⚡ สัญชาติสหรัฐ 🇺🇸 เปิดเผยว่า
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาในสิงคโปร์ 🇸🇬 ครองสัดส่วนมากกว่าคู่แข่งรายอื่น
รายงานระบุว่า มูลค่าทางการตลาดของเทสลาในสัปดาห์นี้ทะลุ 1 ล้านล้าน💲
แซงหน้ามูลค่าทางการตลาดของคู่แข่งรายใหญ่ที่สุด 5 รายรวมกัน
ได้แก่ โตโยต้า มอร์เตอร์ คอร์ป, โฟล์คสวาเกน, เดมเลอร์, ฟอร์ด มอเตอร์ และเจเนอรัล มอเตอร์ (GM)
ข้อมูลจากกรมการขนส่งสิงคโปร์ (LTA) ระบุว่า
จำนวนรถยนต์ใหม่ของเทสลาในสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่ามาอยู่ที่ 487 คัน
จากที่มีอยู่เพียง 30 คันในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ จากกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ของเทสลา
ทำให้บริษัทกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับที่ 6 ของสิงคโปร์ในเดือนก.ย.
โดยมียอดขายเหนือกว่านิสสัน อาวดี้ และเกีย
ส่วนยอดรถยนต์ของเทสลาที่จดทะเบียนในสิงคโปร์เมื่อเดือนก.ย.นั้น มีอยู่ที่ 314 คัน
บริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 🚗⚡ สัญชาติสหรัฐ 🇺🇸 เปิดเผยว่า
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาในสิงคโปร์ 🇸🇬 ครองสัดส่วนมากกว่าคู่แข่งรายอื่น
รายงานระบุว่า มูลค่าทางการตลาดของเทสลาในสัปดาห์นี้ทะลุ 1 ล้านล้าน💲
แซงหน้ามูลค่าทางการตลาดของคู่แข่งรายใหญ่ที่สุด 5 รายรวมกัน
ได้แก่ โตโยต้า มอร์เตอร์ คอร์ป, โฟล์คสวาเกน, เดมเลอร์, ฟอร์ด มอเตอร์ และเจเนอรัล มอเตอร์ (GM)
ข้อมูลจากกรมการขนส่งสิงคโปร์ (LTA) ระบุว่า
จำนวนรถยนต์ใหม่ของเทสลาในสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่ามาอยู่ที่ 487 คัน
จากที่มีอยู่เพียง 30 คันในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ จากกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ของเทสลา
ทำให้บริษัทกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับที่ 6 ของสิงคโปร์ในเดือนก.ย.
โดยมียอดขายเหนือกว่านิสสัน อาวดี้ และเกีย
ส่วนยอดรถยนต์ของเทสลาที่จดทะเบียนในสิงคโปร์เมื่อเดือนก.ย.นั้น มีอยู่ที่ 314 คัน
#News #Update
ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.)
สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน นำโดยสัญญาข้าวโพด 🌽
ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 1% 🔺 ขานรับยอดส่งออกที่แข็งแกร่ง
สัญญาข้าวโพด 🌽 ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.5 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 5.6825💲/บุชเชล
สัญญาข้าวสาลี 🌾 ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 7.7275💲/บุชเชล
และสัญญาถั่วเหลือง 🍥 ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 12.495💲/บุชเชล
สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปิดบวกหลังจากกระทรวงเกษตรสหรัฐรายงานว่า
สหรัฐ 🇺🇸 ได้ส่งออกข้าวโพดไปยังเม็กซิโก 🇲🇽 ในปริมาณ 279,415 ตัน
และได้ส่งออกถั่วเหลืองในปริมาณ 132,000 ตันโดยไม่ระบุจุดหมายปลายทาง
อย่างไรก็ดี AgResource ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในชิคาโกระบุว่า
สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT อาจเข้าสู่ระยะพักฐานในสัปดาห์นี้
เนื่องจากผลผลิตของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.)
สัญญาธัญพืชปิดบวกทั้งกระดาน นำโดยสัญญาข้าวโพด 🌽
ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 1% 🔺 ขานรับยอดส่งออกที่แข็งแกร่ง
สัญญาข้าวโพด 🌽 ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.5 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 5.6825💲/บุชเชล
สัญญาข้าวสาลี 🌾 ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 7.7275💲/บุชเชล
และสัญญาถั่วเหลือง 🍥 ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 12.495💲/บุชเชล
สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปิดบวกหลังจากกระทรวงเกษตรสหรัฐรายงานว่า
สหรัฐ 🇺🇸 ได้ส่งออกข้าวโพดไปยังเม็กซิโก 🇲🇽 ในปริมาณ 279,415 ตัน
และได้ส่งออกถั่วเหลืองในปริมาณ 132,000 ตันโดยไม่ระบุจุดหมายปลายทาง
อย่างไรก็ดี AgResource ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในชิคาโกระบุว่า
สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT อาจเข้าสู่ระยะพักฐานในสัปดาห์นี้
เนื่องจากผลผลิตของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
#News #Update
สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.)
หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ 🇺🇸 ปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงิน💲ยังเป็นป้จจัยลบต่อตลาดทองแดง
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.
ลดลง 7.05 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 4.368💲/ปอนด์
และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองแดงปรับตัวลงทั้งสิ้น 2.9%
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ
ปรับตัวลงสู่ระดับ 71.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย.
โดยดัชนีได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน
ดัชนี💲 ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ💲เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน
เพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169 เมื่อวันศุกร์ ซึ่งลดความน่าดึงดูดของทองแดง
เนื่องจากทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็น💲นั้น
มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น 💷💶💴
สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.)
หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ 🇺🇸 ปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงิน💲ยังเป็นป้จจัยลบต่อตลาดทองแดง
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.
ลดลง 7.05 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 4.368💲/ปอนด์
และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองแดงปรับตัวลงทั้งสิ้น 2.9%
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ
ปรับตัวลงสู่ระดับ 71.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย.
โดยดัชนีได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน
ดัชนี💲 ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ💲เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน
เพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169 เมื่อวันศุกร์ ซึ่งลดความน่าดึงดูดของทองแดง
เนื่องจากทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็น💲นั้น
มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น 💷💶💴
#News #Update
บทความบนเว็บไซต์วอกซ์ (Vox) ระบุว่า สหรัฐ 🇺🇸 อาจทำผิดพลาด
ในการเตรียมพร้อมรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 🦠 เหมือนเดิมอีกครั้ง
เนื่องจากรัฐบาลวางแผนงบประมาณด้านสาธารณสุขน้อยเกินไป 💵🔻
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญภายนอก
ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐมาหลายปี ก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ว่า
สหรัฐไม่ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันด้านสาธารณสุขมากพอ ⚕️
โดยบทความบนเว็บไซต์ดังกล่าวชี้ว่า นี่อาจเป็นความเห็นที่ถูกต้อง
เพราะสหรัฐกำลังเสี่ยงที่จะทำผิดพลาดเช่นเดิมเหมือนช่วงที่วิกฤตโควิด-19 เริ่มเกิดขึ้น
เว็บไซต์รายงานว่า กฎหมายบิลด์ แบค เบตเตอร์ (Build Back Better)
จัดสรรงบประมาณรวมราว 1 หมื่นล้าน💲 (ราว 3.32 แสนล้านบาท)
ให้โครงสร้างพื้นฐานและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญคิดว่ายังน้อยกว่าที่จำเป็นอย่างมาก
บทความยังระบุด้วยว่า "คณะผู้เชี่ยวชาญภายนอกมองว่า
ควรมีการจัดสรรงบประมาณสูงถึง 7.5 หมื่นล้าน💲 (ราว 2.49 ล้านล้านบาท) สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน การเตรียมความพร้อม
และการป้องกันด้านสาธารณสุขตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้า"
บทความบนเว็บไซต์วอกซ์ (Vox) ระบุว่า สหรัฐ 🇺🇸 อาจทำผิดพลาด
ในการเตรียมพร้อมรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 🦠 เหมือนเดิมอีกครั้ง
เนื่องจากรัฐบาลวางแผนงบประมาณด้านสาธารณสุขน้อยเกินไป 💵🔻
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญภายนอก
ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐมาหลายปี ก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ว่า
สหรัฐไม่ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันด้านสาธารณสุขมากพอ ⚕️
โดยบทความบนเว็บไซต์ดังกล่าวชี้ว่า นี่อาจเป็นความเห็นที่ถูกต้อง
เพราะสหรัฐกำลังเสี่ยงที่จะทำผิดพลาดเช่นเดิมเหมือนช่วงที่วิกฤตโควิด-19 เริ่มเกิดขึ้น
เว็บไซต์รายงานว่า กฎหมายบิลด์ แบค เบตเตอร์ (Build Back Better)
จัดสรรงบประมาณรวมราว 1 หมื่นล้าน💲 (ราว 3.32 แสนล้านบาท)
ให้โครงสร้างพื้นฐานและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญคิดว่ายังน้อยกว่าที่จำเป็นอย่างมาก
บทความยังระบุด้วยว่า "คณะผู้เชี่ยวชาญภายนอกมองว่า
ควรมีการจัดสรรงบประมาณสูงถึง 7.5 หมื่นล้าน💲 (ราว 2.49 ล้านล้านบาท) สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน การเตรียมความพร้อม
และการป้องกันด้านสาธารณสุขตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้า"
#News #Update
แหล่งข่าวของกลุ่มตาลีบันเปิดเผยว่า นายไฮบาตุลเลาะห์ อัคห์ฮุนด์ซาดา
ผู้นำสูงสุดของกลุ่มตาลีบันได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะในเมืองกันดาฮาร์ทางใต้ของอัฟกานิสถาน 🇦🇫
ซึ่งได้สยบข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วว่านายอัคห์ฮุนด์ซาดาได้เสียชีวิตแล้ว
นายอัคห์ฮุนด์ซาดาซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้นำแห่งศรัทธา หรือ Amir ul Momineen
ไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะมาระยะหนึ่ง แม้หลังจากที่กลุ่มตาลีบันได้เข้ายึดครองอัฟกานิสถาน
ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีข่าวลือเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา
ขณะที่กลุ่มตาลีบันได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวในเดือนก.ย.
หลังจากที่กองกำลังที่นำโดยสหรัฐ 🇺🇸 ถอนตัวนั้น นายอัคห์ฮุนด์ซาดาผู้ลึกลับ
ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2559 ตามเดิม
โดยเขาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของกลุ่มตาลีบันนทั้งในด้านการเมือง, ศาสนา และทหาร
แหล่งข่าวของกลุ่มตาลีบันเปิดเผยว่า นายไฮบาตุลเลาะห์ อัคห์ฮุนด์ซาดา
ผู้นำสูงสุดของกลุ่มตาลีบันได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะในเมืองกันดาฮาร์ทางใต้ของอัฟกานิสถาน 🇦🇫
ซึ่งได้สยบข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วว่านายอัคห์ฮุนด์ซาดาได้เสียชีวิตแล้ว
นายอัคห์ฮุนด์ซาดาซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้นำแห่งศรัทธา หรือ Amir ul Momineen
ไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะมาระยะหนึ่ง แม้หลังจากที่กลุ่มตาลีบันได้เข้ายึดครองอัฟกานิสถาน
ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีข่าวลือเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา
ขณะที่กลุ่มตาลีบันได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวในเดือนก.ย.
หลังจากที่กองกำลังที่นำโดยสหรัฐ 🇺🇸 ถอนตัวนั้น นายอัคห์ฮุนด์ซาดาผู้ลึกลับ
ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2559 ตามเดิม
โดยเขาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของกลุ่มตาลีบันนทั้งในด้านการเมือง, ศาสนา และทหาร
#News #Update
นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ยอมรับในเมื่อวานนี้ว่า
ทางบริษัทยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทเฮิร์ซ
เพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 🚙⚡ จำนวน 100,000 คันแต่อย่างใด
"ผมขอย้ำว่ายังไม่มีการลงนามในสัญญาแต่อย่างใด
โดยเรื่องข้อตกลงกับเฮิร์ซไม่ได้มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของเรา" นายมัสก์ระบุ
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของเทสลาพุ่งขึ้นกว่า 10% ในวันที่ 25 ต.ค. หลังมีข่าวว่า
บริษัทเฮิร์ซ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถยนต์เช่ารายใหญ่ของโลก 🌐
ได้สั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาจำนวน 100,000 คัน
ส่งผลให้เทสลากลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้าน💲
เช่นเดียวกับแอปเปิล แอมะซอน และไมโครซอฟท์
คำสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นคำสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุด
และจะทำรายได้ให้แก่เทสลาถึง 4.4 พันล้าน💲
นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ยอมรับในเมื่อวานนี้ว่า
ทางบริษัทยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทเฮิร์ซ
เพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 🚙⚡ จำนวน 100,000 คันแต่อย่างใด
"ผมขอย้ำว่ายังไม่มีการลงนามในสัญญาแต่อย่างใด
โดยเรื่องข้อตกลงกับเฮิร์ซไม่ได้มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของเรา" นายมัสก์ระบุ
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของเทสลาพุ่งขึ้นกว่า 10% ในวันที่ 25 ต.ค. หลังมีข่าวว่า
บริษัทเฮิร์ซ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถยนต์เช่ารายใหญ่ของโลก 🌐
ได้สั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาจำนวน 100,000 คัน
ส่งผลให้เทสลากลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้าน💲
เช่นเดียวกับแอปเปิล แอมะซอน และไมโครซอฟท์
คำสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นคำสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุด
และจะทำรายได้ให้แก่เทสลาถึง 4.4 พันล้าน💲
#News #Update
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า วันนี้ (2 พ.ย.) สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (EPA) 🇺🇸
จะเสนอกฎระเบียบเพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซมีเทนบริเวณบ่อน้ำมัน 🛢️ และก๊าซหลายแสนแห่งในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการเชิงรุกที่เข้มงวดมากที่สุดใน
การควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวการทำให้โลกร้อน
ทั้งนี้ มาตรการของ EPA จะเพิ่มความเข้มข้นด้านกฎระเบียบต่อบ่อน้ำมันและบ่อก๊าซใหม่
พร้อมออกข้อกำหนดใหม่สำหรับบ่อน้ำมันและก๊าซที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งก่อนหน้านี้หลีกเลี่ยงกฎระเบียบด้านก๊าซมีเทน
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ จะประกาศข้อเสนอดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 2 ของการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26)
โครงการริเริ่มด้านก๊าซมีเทนดังกล่าวจะช่วยให้ปธน.ไบเดนสามารถบรรลุเป้าหมาย
ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573
และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในกลางศตวรรษ
ข้อเสนอนี้ยังช่วยผลักดันข้อตกลง "Global Methane Pledge" ของสหรัฐ 🇺🇸
และสหภาพยุโรป (EU) 🇪🇺 ซึ่งเป็นข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซมีเทน 30% ภายในสิ้นทศวรรษนี้
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า วันนี้ (2 พ.ย.) สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (EPA) 🇺🇸
จะเสนอกฎระเบียบเพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซมีเทนบริเวณบ่อน้ำมัน 🛢️ และก๊าซหลายแสนแห่งในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการเชิงรุกที่เข้มงวดมากที่สุดใน
การควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวการทำให้โลกร้อน
ทั้งนี้ มาตรการของ EPA จะเพิ่มความเข้มข้นด้านกฎระเบียบต่อบ่อน้ำมันและบ่อก๊าซใหม่
พร้อมออกข้อกำหนดใหม่สำหรับบ่อน้ำมันและก๊าซที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งก่อนหน้านี้หลีกเลี่ยงกฎระเบียบด้านก๊าซมีเทน
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ จะประกาศข้อเสนอดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 2 ของการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26)
โครงการริเริ่มด้านก๊าซมีเทนดังกล่าวจะช่วยให้ปธน.ไบเดนสามารถบรรลุเป้าหมาย
ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573
และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในกลางศตวรรษ
ข้อเสนอนี้ยังช่วยผลักดันข้อตกลง "Global Methane Pledge" ของสหรัฐ 🇺🇸
และสหภาพยุโรป (EU) 🇪🇺 ซึ่งเป็นข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซมีเทน 30% ภายในสิ้นทศวรรษนี้
#News #Update
ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 20💲 ใกล้หลุดระดับ 1,760💲 ท่ามกลางความวิตกที่ว่า
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 🏦🇺🇸 จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร
ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมคืนนี้
ณ เวลา 21.28 น.ตามเวลาไทย 🇹🇭 สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange)
ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 26.50💲 หรือ 1.48% สู่ระดับ 1,762.90💲/ออนซ์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในแถลงการณ์หลังการประชุม
เฟดจะประกาศปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้าน💲 โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย.
ซึ่งจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565
ที่ผ่านมา เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้าน💲/เดือน
โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 🇺🇸 วงเงิน 80,000 ล้าน💲/เดือน
และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้าน💲/เดือน
ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 20💲 ใกล้หลุดระดับ 1,760💲 ท่ามกลางความวิตกที่ว่า
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 🏦🇺🇸 จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร
ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมคืนนี้
ณ เวลา 21.28 น.ตามเวลาไทย 🇹🇭 สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange)
ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 26.50💲 หรือ 1.48% สู่ระดับ 1,762.90💲/ออนซ์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในแถลงการณ์หลังการประชุม
เฟดจะประกาศปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้าน💲 โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย.
ซึ่งจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565
ที่ผ่านมา เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้าน💲/เดือน
โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 🇺🇸 วงเงิน 80,000 ล้าน💲/เดือน
และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้าน💲/เดือน
#News #Update
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI 🛢️ ดิ่งลงกว่า 3% หลุดระดับ 81💲ในเมื่อวานนี้ 🔻
หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) 🇺🇸 เปิดเผยว่า
สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว 🔺
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน หลังราคาพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ 🔺
ณ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย 🇹🇭 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค.
ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 2.96💲 หรือ 3.53% สู่ระดับ 80.95💲/บาร์เรล
ทั้งนี้ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ 🇺🇸 เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ 🇺🇸
เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI 🛢️ ดิ่งลงกว่า 3% หลุดระดับ 81💲ในเมื่อวานนี้ 🔻
หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) 🇺🇸 เปิดเผยว่า
สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว 🔺
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน หลังราคาพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ 🔺
ณ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย 🇹🇭 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค.
ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 2.96💲 หรือ 3.53% สู่ระดับ 80.95💲/บาร์เรล
ทั้งนี้ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ 🇺🇸 เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ 🇺🇸
เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
#News #Update
บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ⚕️🇺🇸
เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3
ขณะที่บริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 🦠 ในปีนี้
ทั้งนี้ โมเดอร์นาเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 7.70💲/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.05💲/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 4.97 พันล้าน💲 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 6.21 พันล้าน💲
ขณะเดียวกัน โมเดอร์นาคาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 💉
ประจำปีนี้อยู่ในช่วง 15,000-18,000 ล้าน💲 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ 20,000 ล้าน💲ก่อนหน้านี้
บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ⚕️🇺🇸
เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3
ขณะที่บริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 🦠 ในปีนี้
ทั้งนี้ โมเดอร์นาเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 7.70💲/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.05💲/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 4.97 พันล้าน💲 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 6.21 พันล้าน💲
ขณะเดียวกัน โมเดอร์นาคาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 💉
ประจำปีนี้อยู่ในช่วง 15,000-18,000 ล้าน💲 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ 20,000 ล้าน💲ก่อนหน้านี้
#News #Update
นายอาลี บาเกรี กานี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
และผู้นำการเจรจาด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน 🇮🇷 เปิดเผยว่า
การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า
Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA) จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 29 พ.ย.นี้
นายบาเกรี กานี ทวีตว่า "ในระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ 📞 กับนายเอนริเก โมรา
เราเห็นพ้องที่จะเริ่มการเจรจาในวันที่ 29 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา
โดยมีเป้าหมายเพื่อยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่ผิดกฎหมายและไร้มนุษยธรรม"
หลังจากการประชุมระหว่างนายบาเกรี กานี และนายโมรา รองเลขาธิการกระทรวงต่างประเทศยุโรป (EEAS)
ในกรุงเตหะรานและบรัสเซลส์ อิหร่านและสหภาพยุโรป (EU) 🇪🇺
ได้ตกลงที่จะเริ่มการเจรจาอีกครั้งในเดือนพ.ย.นี้
ทั้งนี้ อิหร่านระบุว่า ประเด็นการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
และการปฏิบัติตามข้อตกลง JCPOA อย่างเต็มรูปแบบจะเป็นวาระหลักของการเจรจาครั้งนี้
ซี่งได้หยุดชะงักไปตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลอิหร่าน
นายอาลี บาเกรี กานี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
และผู้นำการเจรจาด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน 🇮🇷 เปิดเผยว่า
การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า
Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA) จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 29 พ.ย.นี้
นายบาเกรี กานี ทวีตว่า "ในระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ 📞 กับนายเอนริเก โมรา
เราเห็นพ้องที่จะเริ่มการเจรจาในวันที่ 29 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา
โดยมีเป้าหมายเพื่อยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่ผิดกฎหมายและไร้มนุษยธรรม"
หลังจากการประชุมระหว่างนายบาเกรี กานี และนายโมรา รองเลขาธิการกระทรวงต่างประเทศยุโรป (EEAS)
ในกรุงเตหะรานและบรัสเซลส์ อิหร่านและสหภาพยุโรป (EU) 🇪🇺
ได้ตกลงที่จะเริ่มการเจรจาอีกครั้งในเดือนพ.ย.นี้
ทั้งนี้ อิหร่านระบุว่า ประเด็นการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
และการปฏิบัติตามข้อตกลง JCPOA อย่างเต็มรูปแบบจะเป็นวาระหลักของการเจรจาครั้งนี้
ซี่งได้หยุดชะงักไปตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลอิหร่าน
#News #Update
นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ 🚙⚡
ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามในทวิตเตอร์ราว 62.5 ล้านคนด้วยคำถามที่ว่า
เขาควรขายหุ้นเทสลา 10% จากหุ้นที่ถืออยู่หรือไม่❓
"ผมขอประกาศว่าผมไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัสเป็นเงินสดจากที่ใดเลย
ผมมีเพียงหุ้นที่ถืออยู่เท่านั้น ดังนั้นทางเดียวที่ผมจะจ่ายภาษีได้ก็คือการขายหุ้น"
นายมัสก์ประกาศทางทวิตเตอร์ พร้อมกับเสริมว่า "ในระยะหลัง ๆ มานี้
มีการมองว่ากำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงนั้นถือเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี
ผมจึงเสนอว่าจะขายหุ้นเทสลา 10% จากที่ผมถืออยู่ทั้งหมด"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้นายมัสก์ได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอของพรรคเดโมแครต
ให้มีการปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (Capital gains)
ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการปฏิรูปภาษีที่พุ่งเป้าเรียกเก็บจากชาวอเมริกันที่ร่ำรวย 🤑
โดยกำไรจากการลงทุนในระยาวคือกำไรที่ได้จากการขายทรัพย์สินหลังจากที่ถือครองมาเป็นเวลากว่า 1 ปี
ทั้งนี้ นายมัสก์ยืนยันว่าเขาจะดำเนินการตามผลโพลที่ออกมา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ 🚙⚡
ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามในทวิตเตอร์ราว 62.5 ล้านคนด้วยคำถามที่ว่า
เขาควรขายหุ้นเทสลา 10% จากหุ้นที่ถืออยู่หรือไม่❓
"ผมขอประกาศว่าผมไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัสเป็นเงินสดจากที่ใดเลย
ผมมีเพียงหุ้นที่ถืออยู่เท่านั้น ดังนั้นทางเดียวที่ผมจะจ่ายภาษีได้ก็คือการขายหุ้น"
นายมัสก์ประกาศทางทวิตเตอร์ พร้อมกับเสริมว่า "ในระยะหลัง ๆ มานี้
มีการมองว่ากำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงนั้นถือเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี
ผมจึงเสนอว่าจะขายหุ้นเทสลา 10% จากที่ผมถืออยู่ทั้งหมด"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้นายมัสก์ได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอของพรรคเดโมแครต
ให้มีการปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (Capital gains)
ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการปฏิรูปภาษีที่พุ่งเป้าเรียกเก็บจากชาวอเมริกันที่ร่ำรวย 🤑
โดยกำไรจากการลงทุนในระยาวคือกำไรที่ได้จากการขายทรัพย์สินหลังจากที่ถือครองมาเป็นเวลากว่า 1 ปี
ทั้งนี้ นายมัสก์ยืนยันว่าเขาจะดำเนินการตามผลโพลที่ออกมา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
#News #Update
องค์กรสิทธิบัตรยาร่วม (MPP) ⚕️ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ (UN)
เปิดเผยว่า บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาขั้นคืบหน้ากับ MPP
เกี่ยวกับการมอบช่วงสิทธิบัตรการผลิตยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 🦠
ให้แก่ประเทศต่างๆ เพื่อให้กลุ่มประเทศยากจนสามารถเข้าถึงยาดังกล่าว
ผลการทดลองในระยะที่ 3 สำหรับยาแพ็กซ์โลวิด พบว่า
ยาดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 🤒
ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 🏥 หรือเสียชีวิต ☠️ได้ถึง 89%
โดยสูงกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ 💊 ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียง 50%
การดำเนินการมอบช่วงสิทธิบัตรของไฟเซอร์สอดคล้องกับที่เมอร์คเจรจากับ MPP ก่อนหน้านี้
โดยเมอร์คได้มอบช่วงสิทธิบัตรผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19
ให้แก่ประเทศในกลุ่มรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางจำนวน 105 ประเทศทั่วโลก 🌐
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชียและแอฟริกา
ทั้งนี้ บริษัทที่ต้องการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ 💊 สามารถยื่นเรื่องต่อ MPP เพื่อขอการอนุมัติ
โดย MPP จะมอบช่วงสิทธิบัตรให้แก่บริษัทที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
และได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานสาธารณสุขภายในประเทศในการผลิตยาดังกล่าว
คาดว่าการมอบช่วงสิทธิบัตรการผลิตยาดังกล่าว จะทำให้ยาโมลนูพิราเวียร์มีราคาถูกลง 🔻
เหลือเพียงคอร์สละ 20💲 หรือราว 650 บาท ขณะที่รัฐบาลสหรัฐ 🇺🇸 ซื้อยาดังกล่าวจากเมอร์ค
ในราคาคอร์สละ 700💲 หรือมากกว่า 23,000 บาท
องค์กรสิทธิบัตรยาร่วม (MPP) ⚕️ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ (UN)
เปิดเผยว่า บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาขั้นคืบหน้ากับ MPP
เกี่ยวกับการมอบช่วงสิทธิบัตรการผลิตยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 🦠
ให้แก่ประเทศต่างๆ เพื่อให้กลุ่มประเทศยากจนสามารถเข้าถึงยาดังกล่าว
ผลการทดลองในระยะที่ 3 สำหรับยาแพ็กซ์โลวิด พบว่า
ยาดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 🤒
ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 🏥 หรือเสียชีวิต ☠️ได้ถึง 89%
โดยสูงกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ 💊 ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียง 50%
การดำเนินการมอบช่วงสิทธิบัตรของไฟเซอร์สอดคล้องกับที่เมอร์คเจรจากับ MPP ก่อนหน้านี้
โดยเมอร์คได้มอบช่วงสิทธิบัตรผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19
ให้แก่ประเทศในกลุ่มรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางจำนวน 105 ประเทศทั่วโลก 🌐
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชียและแอฟริกา
ทั้งนี้ บริษัทที่ต้องการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ 💊 สามารถยื่นเรื่องต่อ MPP เพื่อขอการอนุมัติ
โดย MPP จะมอบช่วงสิทธิบัตรให้แก่บริษัทที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
และได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานสาธารณสุขภายในประเทศในการผลิตยาดังกล่าว
คาดว่าการมอบช่วงสิทธิบัตรการผลิตยาดังกล่าว จะทำให้ยาโมลนูพิราเวียร์มีราคาถูกลง 🔻
เหลือเพียงคอร์สละ 20💲 หรือราว 650 บาท ขณะที่รัฐบาลสหรัฐ 🇺🇸 ซื้อยาดังกล่าวจากเมอร์ค
ในราคาคอร์สละ 700💲 หรือมากกว่า 23,000 บาท
#News #Update
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) 🔺
โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของ💲 และจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่ง
ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 🏦🇺🇸 ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.
เพิ่มขึ้น 11.2💲 หรือ 0.62% ปิดที่ 1,828💲/ออนซ์
ดัชนี💲 ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ💲เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน
ลดลง 0.29% แตะที่ 94.0503 เมื่อคืนนี้ 🔻
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของ💲เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ
เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็น💲นั้น
มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น 💷💶💴
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวล
เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด),
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) รวมทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB)
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) 🔺
โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของ💲 และจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่ง
ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 🏦🇺🇸 ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.
เพิ่มขึ้น 11.2💲 หรือ 0.62% ปิดที่ 1,828💲/ออนซ์
ดัชนี💲 ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ💲เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน
ลดลง 0.29% แตะที่ 94.0503 เมื่อคืนนี้ 🔻
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของ💲เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ
เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็น💲นั้น
มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น 💷💶💴
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวล
เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด),
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) รวมทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB)
#News #Update
นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รมว.พลังงานสหรัฐ ⚡🇺🇸 กล่าวว่า
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจมีการดำเนินมาตรการในสัปดาห์นี้เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน 🔺
"ท่านกำลังพิจารณาเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆที่ประธานาธิบดีสหรัฐ 🇺🇸
สามารถดำเนินการได้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมัน 🛢️ เบนซินมีราคาแพง
โดยท่านอาจทำการประกาศในสัปดาห์นี้" นางแกรนโฮล์มกล่าว
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ไบเดนอาจประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐมีเครื่องมือที่จะรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง
หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
เมินข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน
นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รมว.พลังงานสหรัฐ ⚡🇺🇸 กล่าวว่า
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจมีการดำเนินมาตรการในสัปดาห์นี้เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน 🔺
"ท่านกำลังพิจารณาเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆที่ประธานาธิบดีสหรัฐ 🇺🇸
สามารถดำเนินการได้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมัน 🛢️ เบนซินมีราคาแพง
โดยท่านอาจทำการประกาศในสัปดาห์นี้" นางแกรนโฮล์มกล่าว
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ไบเดนอาจประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐมีเครื่องมือที่จะรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง
หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
เมินข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน
#News #Update
กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน 🇹🇼 ออกรายงานในเมื่อวานนี้ โดยประเมินว่า
กองทัพจีน 🇨🇳 มีศักยภาพในการปิดล้อมท่าเรือและสนามบินสำคัญ ๆ ของไต้หวันได้
พร้อมระบุว่าจีนเป็นภัยคุกคามทางการทหารขั้น "ร้ายแรง" ต่อไต้หวัน
รายงานฉบับดังกล่าวที่กระทรวงกลาโหมเผยแพร่ทุก 2 ปี ระบุว่า
จีนได้เปิดฉากยุทธการ "พื้นที่สีเทา" โดยอ้างถึงการที่เครื่องบินรบจีนจำนวน 554 ลำ "รุกล้ำ"
เข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) เหนือน่านน้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน
ระหว่างเดือนก.ย.ปีที่แล้วถึงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า
นักวิเคราะห์ทางการทหารมองว่ายุทธวิธีดังกล่าวมุ่งกำราบไต้หวันโดยการทำให้อ่อนล้า
ทางด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน กล่าวว่า
ไต้หวันเป็นประเทศเอกราชอยู่แล้ว พร้อมปฏิญาณว่าจะปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของไต้หวัน
กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน 🇹🇼 ออกรายงานในเมื่อวานนี้ โดยประเมินว่า
กองทัพจีน 🇨🇳 มีศักยภาพในการปิดล้อมท่าเรือและสนามบินสำคัญ ๆ ของไต้หวันได้
พร้อมระบุว่าจีนเป็นภัยคุกคามทางการทหารขั้น "ร้ายแรง" ต่อไต้หวัน
รายงานฉบับดังกล่าวที่กระทรวงกลาโหมเผยแพร่ทุก 2 ปี ระบุว่า
จีนได้เปิดฉากยุทธการ "พื้นที่สีเทา" โดยอ้างถึงการที่เครื่องบินรบจีนจำนวน 554 ลำ "รุกล้ำ"
เข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) เหนือน่านน้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน
ระหว่างเดือนก.ย.ปีที่แล้วถึงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า
นักวิเคราะห์ทางการทหารมองว่ายุทธวิธีดังกล่าวมุ่งกำราบไต้หวันโดยการทำให้อ่อนล้า
ทางด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน กล่าวว่า
ไต้หวันเป็นประเทศเอกราชอยู่แล้ว พร้อมปฏิญาณว่าจะปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของไต้หวัน
#News #Update
ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT วันที่ 8 พ.ย สัญญาธัญพืชปิดไร้ทิศทาง
โดยข้าวโพด 🌽 และถั่วเหลือง 🍥 ปรับตัวลง 🔻 ขณะข้าวสาลี 🌾 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 🔺
สัญญาข้าวโพด 🌽 ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.5 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 5.515💲/บุชเชล 🔻
สัญญาข้าวสาลี 🌾 ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.5 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 7.68💲/บุชเชล 🔺
และสัญญาถั่วเหลือง 🍥 ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 1.41% ปิดที่ 11.885💲/บุชเชล 🔻
AgResource ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในชิคาโกระบุว่า สัญญาข้าวสาลี
ได้รับแรงหนุนจากสต๊อกธัญพืชที่ตึงตัวทั่วโลก 🌐
ขณะถั่วเหลืองร่วงลงก่อนที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) 🇺🇸 จะเปิดเผยรายงานผลผลิต
ส่วนสัญญาข้าวโพดยังไม่มีปัจจัยชี้นำที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่ารายงานของ USDA ประจำเดือนพ.ย.จะออกมาซบเซาลง
ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT วันที่ 8 พ.ย สัญญาธัญพืชปิดไร้ทิศทาง
โดยข้าวโพด 🌽 และถั่วเหลือง 🍥 ปรับตัวลง 🔻 ขณะข้าวสาลี 🌾 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 🔺
สัญญาข้าวโพด 🌽 ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.5 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 5.515💲/บุชเชล 🔻
สัญญาข้าวสาลี 🌾 ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.5 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 7.68💲/บุชเชล 🔺
และสัญญาถั่วเหลือง 🍥 ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 1.41% ปิดที่ 11.885💲/บุชเชล 🔻
AgResource ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในชิคาโกระบุว่า สัญญาข้าวสาลี
ได้รับแรงหนุนจากสต๊อกธัญพืชที่ตึงตัวทั่วโลก 🌐
ขณะถั่วเหลืองร่วงลงก่อนที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) 🇺🇸 จะเปิดเผยรายงานผลผลิต
ส่วนสัญญาข้าวโพดยังไม่มีปัจจัยชี้นำที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่ารายงานของ USDA ประจำเดือนพ.ย.จะออกมาซบเซาลง
#News #Update
คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีน 💉 ของเยอรมนี 🇩🇪 หรือ STIKO ออกคำแนะนำในเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ว่า
ให้ประชาชนอายุต่ำกว่า 30 ปีรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 🦠 ของบริษัทไบออนเทค/ไฟเซอร์เท่านั้น
เนื่องจากพบการเกิดภาวะหัวใจอักเสบในกลุ่มคนหนุ่มสาวต่ำกว่า
เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา
นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่า STIKO ยังได้แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์รับวัคซีน
ของไบออนเทค/ไฟเซอร์เท่านั้นเช่นเดียวกันโดยไม่กำหนดช่วงอายุ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขแห่งชาติของฝรั่งเศส (HAS) 🇫🇷
เพิ่งแนะนำให้ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 🦠
ของไบออนเทค/ไฟเซอร์แทนการฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว
วัคซีนของโมเดอร์นามีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาโรคหัวใจมากกว่าวัคซีนของไฟเซอร์
การให้คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้น หลังจากหน่วยงานด้านกำกับดูแลของหลายประเทศ
ซึ่งรวมถึงแคนาดา 🇨🇦 ฟินแลนด์ 🇫🇮 และสวีเดน 🇸🇪 ได้ออกคำเตือนว่าวัคซีน Spikevax ของบริษัทโมเดอร์นา มีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจในกลุ่มประชาชนที่มีอายุน้อย
คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีน 💉 ของเยอรมนี 🇩🇪 หรือ STIKO ออกคำแนะนำในเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ว่า
ให้ประชาชนอายุต่ำกว่า 30 ปีรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 🦠 ของบริษัทไบออนเทค/ไฟเซอร์เท่านั้น
เนื่องจากพบการเกิดภาวะหัวใจอักเสบในกลุ่มคนหนุ่มสาวต่ำกว่า
เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา
นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่า STIKO ยังได้แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์รับวัคซีน
ของไบออนเทค/ไฟเซอร์เท่านั้นเช่นเดียวกันโดยไม่กำหนดช่วงอายุ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขแห่งชาติของฝรั่งเศส (HAS) 🇫🇷
เพิ่งแนะนำให้ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 🦠
ของไบออนเทค/ไฟเซอร์แทนการฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว
วัคซีนของโมเดอร์นามีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาโรคหัวใจมากกว่าวัคซีนของไฟเซอร์
การให้คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้น หลังจากหน่วยงานด้านกำกับดูแลของหลายประเทศ
ซึ่งรวมถึงแคนาดา 🇨🇦 ฟินแลนด์ 🇫🇮 และสวีเดน 🇸🇪 ได้ออกคำเตือนว่าวัคซีน Spikevax ของบริษัทโมเดอร์นา มีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจในกลุ่มประชาชนที่มีอายุน้อย
#News #Update
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ 🇺🇸 ประกาศขยายเวลา
บังคับใช้คำสั่งห้ามชาวอเมริกันลงทุนในบริษัทจีนซึ่งสหรัฐเชื่อว่าถูกกองทัพจีนควบคุมออก
ไปอีก 1 ปี โดยระบุว่าจีนกำลังขยายนิคมอุตสาหกรรมทางทหารด้วยการบังคับ
ให้บริษัทต่าง ๆ ของจีนสนับสนุนกิจกรรมด้านการทหารและข่าวกรอง
ปธน.ไบเดนระบุเสริมว่า นิคมอุตสาหกรรมทางทหารดังกล่าวยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ
ต่อความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐ
สำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น 🇯🇵 รายงานว่า คำสั่งห้ามดังกล่าวมีขึ้นในสมัย
ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
โดยครอบคลุมบริษัทจีนกว่า 50 แห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างหัวเว่ย
ไชน่า โมบายล์ คอมมิวนิเคชันส์ และบริษัทของรัฐบาลจีนที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาอาวุธและอวกาศ
ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา คณะทำงานของปธน.ไบเดนได้เพิ่มบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีกล้องวงจรปิด
ในรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกห้ามลงทุน เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นทำให้เกิดการปราบปราม
หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ 🇺🇸 ประกาศขยายเวลา
บังคับใช้คำสั่งห้ามชาวอเมริกันลงทุนในบริษัทจีนซึ่งสหรัฐเชื่อว่าถูกกองทัพจีนควบคุมออก
ไปอีก 1 ปี โดยระบุว่าจีนกำลังขยายนิคมอุตสาหกรรมทางทหารด้วยการบังคับ
ให้บริษัทต่าง ๆ ของจีนสนับสนุนกิจกรรมด้านการทหารและข่าวกรอง
ปธน.ไบเดนระบุเสริมว่า นิคมอุตสาหกรรมทางทหารดังกล่าวยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ
ต่อความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐ
สำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น 🇯🇵 รายงานว่า คำสั่งห้ามดังกล่าวมีขึ้นในสมัย
ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
โดยครอบคลุมบริษัทจีนกว่า 50 แห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างหัวเว่ย
ไชน่า โมบายล์ คอมมิวนิเคชันส์ และบริษัทของรัฐบาลจีนที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาอาวุธและอวกาศ
ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา คณะทำงานของปธน.ไบเดนได้เพิ่มบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีกล้องวงจรปิด
ในรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกห้ามลงทุน เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นทำให้เกิดการปราบปราม
หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง