Knowledge Library Trading | Trader Tan
🤩 🤩 แท่งเทียน Price Action
✅ ✅ แท่งคู่ สู่กำไร
👉 การเทรดด้วยแท่งคู่ เป็นเทคนิคการเทรดสั้นๆ ในการสวนเทรนด์
วิธีนี้มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเทรด Price Action
👉 แต่จะได้ผลดีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ Time frame ที่เล็ก-ใหญ่เช่นกัน
เนื่องจากสัญญาณเทรดจะเป็นระยะสั้น หลังจากนั้นจะเป็นไปตามเทรนด์หลักเทรนด์เดิม
👉 👉 ✅ ✅ จึงเหมาะกับคนเล่นสั้นๆ เน้นเข้าเร็วออกเร็ว
เทรดได้ทุก Time frame เลย
#TradingEducation
Comment💬 | ✅ ( Facebook )
วิธีนี้มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเทรด Price Action
เนื่องจากสัญญาณเทรดจะเป็นระยะสั้น หลังจากนั้นจะเป็นไปตามเทรนด์หลักเทรนด์เดิม
เทรดได้ทุก Time frame เลย
#TradingEducation
Comment
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
สวัสดีทุกคน วันนี้มาเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียน 6 อันดับแรกกัน! 🕯
Three Line Strike Bullish : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น 84%📈
Three Line Strike Bearish : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาลง 65%📉
Three Black Crows : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาลง 78%📉
Matching Low : มีโอกาสที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป 61%📉
Abandoned Baby Bullish : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น 70%📈
Two Black Gapping : มีโอกาสที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป 68%📉
จงระมัดระวังและติดตามรูปแบบเหล่านี้เสมอ เพราะมักจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป!🔽 🕯
หมายเหตุ : ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่แสดงในข้อความนั้นเป็นเพียงค่าเฉลี่ย และไม่รับประกันผลลัพธ์ที่แท้จริง
#TradingEducation
@tantrader
Three Line Strike Bullish : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น 84%
Three Line Strike Bearish : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาลง 65%
Three Black Crows : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาลง 78%
Matching Low : มีโอกาสที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป 61%
Abandoned Baby Bullish : มีโอกาสเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น 70%
Two Black Gapping : มีโอกาสที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป 68%
จงระมัดระวังและติดตามรูปแบบเหล่านี้เสมอ เพราะมักจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป!
หมายเหตุ : ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่แสดงในข้อความนั้นเป็นเพียงค่าเฉลี่ย และไม่รับประกันผลลัพธ์ที่แท้จริง
#TradingEducation
@tantrader
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
รูปแบบ Head and Shoulders: กุญแจสู่การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ !
รูปแบบ Head and Shoulders คือ รูปแบบทางเทคนิคที่มีความสำคัญมากในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นหรือตลาดเงินสดิจิตอล, โดยเฉพาะในการทำนายการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม.
การใช้รูปแบบนี้ในการเทรด, ควรตั้ง stop loss ด้านล่างของไหล่ขวา, และวัดความสูงของ "หัว" (head) ในรูปแบบ, แล้วตั้งเป้าหมายของการเทรดให้เท่ากับเปอร์เซ็นต์ของ "หัว" นี้.
รูปแบบ Head and Shoulders จะช่วยให้คุณเห็นการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งของตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสม, ช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้น!
รูปแบบหัวไหล่ เป็นรูปแบบที่สำคัญมากที่มักจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่รุนแรง
เมื่อใช้รูปแบบนี้
ควรวาง stop loss ไว้ต่ำกว่าไหล่ขวา และวัดขนาดของหัวไหล่เป็นเปอร์เซ็นต์ จากนั้นวางเป้าหมายไว้เท่ากับขนาดของหัวไหล่เป็นเปอร์เซ็นต์
รูปแบบหัวไหล่เป็นรูปแบบการกลับตัวราคาที่เกิดขึ้นได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง รูปแบบนี้มีลักษณะเป็นสามยอดที่มีระดับต่ำสุดเดียวกัน ยอดแรกเรียกว่าไหล่ซ้าย ยอดที่สองเรียกว่าหัว และยอดที่สามเรียกว่าไหล่ขวา
เมื่อราคาทะลุแนวต้านที่เส้นคอ (Neckline) รูปแบบหัวไหล่จะสมบูรณ์และมักนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่รุนแรงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มก่อนหน้า
คำแนะนำสำหรับการใช้รูปแบบหัวไหล่
วาง stop loss ไว้ต่ำกว่าไหล่ขวา เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการขาดทุน
วัดขนาดของหัวไหล่เป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อกำหนดเป้าหมายการซื้อขาย
ตัวอย่าง
หากราคาทะลุแนวต้านที่เส้นคอและสร้างยอดที่สามที่สูงกว่าไหล่ขวา เป้าหมายการซื้อขายอาจอยู่ที่ระดับที่สูงกว่ายอดที่สามเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดหัวไหล่
ตัวอย่างเช่น หากขนาดของหัวไหล่เท่ากับ 10% ของระดับต่ำสุดของไหล่ซ้าย เป้าหมายการซื้อขายอาจอยู่ที่ระดับที่สูงกว่ายอดที่สาม 10%
ข้อควรระวัง
รูปแบบหัวไหล่เป็นเพียงรูปแบบทางเทคนิคอย่างหนึ่งเท่านั้น และไม่ได้รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มตลาดโดยรวม ก่อนตัดสินใจซื้อขาย
#TradingEducation
💬 @tantrader
#TechnicalAnalysis #HeadAndShouldersPattern #TradingStrategies #MarketMovements #InvestSmartly
รูปแบบ Head and Shoulders คือ รูปแบบทางเทคนิคที่มีความสำคัญมากในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นหรือตลาดเงินสดิจิตอล, โดยเฉพาะในการทำนายการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม.
การใช้รูปแบบนี้ในการเทรด, ควรตั้ง stop loss ด้านล่างของไหล่ขวา, และวัดความสูงของ "หัว" (head) ในรูปแบบ, แล้วตั้งเป้าหมายของการเทรดให้เท่ากับเปอร์เซ็นต์ของ "หัว" นี้.
รูปแบบ Head and Shoulders จะช่วยให้คุณเห็นการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งของตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสม, ช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้น!
รูปแบบหัวไหล่ เป็นรูปแบบที่สำคัญมากที่มักจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่รุนแรง
เมื่อใช้รูปแบบนี้
ควรวาง stop loss ไว้ต่ำกว่าไหล่ขวา และวัดขนาดของหัวไหล่เป็นเปอร์เซ็นต์ จากนั้นวางเป้าหมายไว้เท่ากับขนาดของหัวไหล่เป็นเปอร์เซ็นต์
รูปแบบหัวไหล่เป็นรูปแบบการกลับตัวราคาที่เกิดขึ้นได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง รูปแบบนี้มีลักษณะเป็นสามยอดที่มีระดับต่ำสุดเดียวกัน ยอดแรกเรียกว่าไหล่ซ้าย ยอดที่สองเรียกว่าหัว และยอดที่สามเรียกว่าไหล่ขวา
เมื่อราคาทะลุแนวต้านที่เส้นคอ (Neckline) รูปแบบหัวไหล่จะสมบูรณ์และมักนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่รุนแรงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มก่อนหน้า
คำแนะนำสำหรับการใช้รูปแบบหัวไหล่
วาง stop loss ไว้ต่ำกว่าไหล่ขวา เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการขาดทุน
วัดขนาดของหัวไหล่เป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อกำหนดเป้าหมายการซื้อขาย
ตัวอย่าง
หากราคาทะลุแนวต้านที่เส้นคอและสร้างยอดที่สามที่สูงกว่าไหล่ขวา เป้าหมายการซื้อขายอาจอยู่ที่ระดับที่สูงกว่ายอดที่สามเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดหัวไหล่
ตัวอย่างเช่น หากขนาดของหัวไหล่เท่ากับ 10% ของระดับต่ำสุดของไหล่ซ้าย เป้าหมายการซื้อขายอาจอยู่ที่ระดับที่สูงกว่ายอดที่สาม 10%
ข้อควรระวัง
รูปแบบหัวไหล่เป็นเพียงรูปแบบทางเทคนิคอย่างหนึ่งเท่านั้น และไม่ได้รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มตลาดโดยรวม ก่อนตัดสินใจซื้อขาย
#TradingEducation
#TechnicalAnalysis #HeadAndShouldersPattern #TradingStrategies #MarketMovements #InvestSmartly
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
1️⃣ Double Bottom : รูปแบบนี้มีลักษณะเหมือนตัว W แสดงว่าแรงขายกำลังอ่อนลง
2️⃣ Triple Bottom : รูปแบบนี้มีลักษณะเหมือนตัว M แสดงว่าแรงซื้อกำลังเข้ามาและอาจควบคุมตลาดได้
3️⃣ Falling Wedge : รูปแบบนี้มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมที่ราคาค่อยๆ ลดลง แสดงว่าแรงขายกำลังอ่อนลงและอาจเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น
4️⃣ Inverted Head & Shoulder : รูปแบบนี้มีลักษณะเป็นไหล่หัวกลับ ซึ่งมีจุดต่ำสุดตรงกลางและจุดต่ำสุดที่เล็กกว่าสองข้าง แสดงว่าแรงซื้อกำลังเข้ามาและอาจเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น
รูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้นเหล่านี้เป็นรูปแบบที่สำคัญที่นักลงทุนควรศึกษาและจดจำ เนื่องจากรูปแบบเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทิศทางของตลาดอาจกำลังเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนตามรูปแบบเหล่านี้ เนื่องจากรูปแบบเหล่านี้ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่รับประกันผลกำไรได้ 100% นักลงทุนควรใช้ปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุน เช่น ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์และสภาวะตลาดโดยรวม
#TradingEducation
@tantrader | Link
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
สวัสดีทุกคนครับ 🚀
วันนี้เราจะมาวิเคราะห์รูปแบบการกลับตัวขาลงที่เรียกว่า Triple Top กันครับ
รูปแบบ Triple Top ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ดังนี้
1️⃣ กราฟแสดงแนวโน้มขาขึ้นกำลังดำเนินอยู่
2️⃣ มีการสร้างสามยอด : ยอดที่หนึ่ง, ยอดที่สอง และยอดที่สาม - ราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 3 ครั้ง แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้
3️⃣ โซนการประสานงาน : ราคาแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่างแนวต้านและแนวรับ คือการแข่งขันระหว่างนักลงทุนแนวโน้มขาขึ้น (Bulls) และนักลงทุนแนวโน้มขาลง (Bears) หรือบางครั้งเรียกว่า "สนามการต่อสู้" 🥊
4️⃣ การพังทลาย : ราคาทะลุผ่านแนวรับ บ่งบอกว่าแนวโน้มขาลงกำลังจะเริ่มต้น ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่านักลงทุนแนวโน้มขาลง (Bears) กำลังครอบครองการตลาด
5️⃣ การทดสอบ : ราคากลับทดสอบแนวรับอีกครั้ง แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ ยังมีความหวังอยู่หรือไม่? โอ้! แต่กลับเป็นเพียงแค่สัญญาณปลอม
6️⃣ กราฟเริ่มมีแนวโน้มขาลง : โดยมีลักษณะของการลดต่ำกว่าครั้งก่อน (LH) และการต่ำสุดใหม่ (LL)
หากพบเห็นแพตเทิร์นนี้ ควรระวังเพราะอาจมีการแสดงถึงแนวโน้มขาลงที่รุนแรงในอนาคต!🐻
ดังนั้น, ต้องระวังและอยู่ในสภาวะพร้อมตลอดเวลา
แนวโน้มขาลงเริ่มชัดเจนขึ้น โดยราคาจะสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ
รูปแบบ Triple Top เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลง และมีโอกาสที่จะกลับตัวเป็นขาลงได้ โดยนักลงทุนสามารถพิจารณาเข้าซื้อสัญญาขาย (Short) เมื่อเห็นรูปแบบ Triple Top เกิดขึ้น
🖥 สัญญาณบ่งชี้ Triple Top
นอกจากสัญญาณที่ปรากฏใน 6 ขั้นตอนข้างต้นแล้ว นักลงทุนยังสามารถพิจารณาสัญญาณบ่งชี้อื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ เช่น
ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในช่วงที่ราคาทดสอบแนวต้าน
เครื่องมือทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง เช่น MACD, Stochastic, RSI เป็นต้น
ข้อควรระวัง
รูปแบบ Triple Top เป็นเพียงสัญญาณบ่งชี้เท่านั้น และไม่ใช่การยืนยันอย่างสมบูรณ์ว่าแนวโน้มขาลงจะเกิดขึ้นจริง นักลงทุนควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สรุป
รูปแบบ Triple Top เป็นสัญญาณเตือนที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ โดยควรพิจารณาเข้าซื้อสัญญาขายเมื่อเห็นรูปแบบนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจ
Comment💬 | ✅ ( Facebook )
#TradingEducation
@tantrader | Link
วันนี้เราจะมาวิเคราะห์รูปแบบการกลับตัวขาลงที่เรียกว่า Triple Top กันครับ
รูปแบบ Triple Top ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ดังนี้
หากพบเห็นแพตเทิร์นนี้ ควรระวังเพราะอาจมีการแสดงถึงแนวโน้มขาลงที่รุนแรงในอนาคต!
ดังนั้น, ต้องระวังและอยู่ในสภาวะพร้อมตลอดเวลา
แนวโน้มขาลงเริ่มชัดเจนขึ้น โดยราคาจะสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ
รูปแบบ Triple Top เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลง และมีโอกาสที่จะกลับตัวเป็นขาลงได้ โดยนักลงทุนสามารถพิจารณาเข้าซื้อสัญญาขาย (Short) เมื่อเห็นรูปแบบ Triple Top เกิดขึ้น
นอกจากสัญญาณที่ปรากฏใน 6 ขั้นตอนข้างต้นแล้ว นักลงทุนยังสามารถพิจารณาสัญญาณบ่งชี้อื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ เช่น
ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในช่วงที่ราคาทดสอบแนวต้าน
เครื่องมือทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง เช่น MACD, Stochastic, RSI เป็นต้น
ข้อควรระวัง
รูปแบบ Triple Top เป็นเพียงสัญญาณบ่งชี้เท่านั้น และไม่ใช่การยืนยันอย่างสมบูรณ์ว่าแนวโน้มขาลงจะเกิดขึ้นจริง นักลงทุนควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สรุป
รูปแบบ Triple Top เป็นสัญญาณเตือนที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ โดยควรพิจารณาเข้าซื้อสัญญาขายเมื่อเห็นรูปแบบนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจ
Comment
#TradingEducation
@tantrader | Link
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
XAU 1W vs BTC 3D
กราฟเปรียบเทียบราคาทองคำและราคาบิทคอยน์ ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ และ 3 วัน
Formed the same type of cup and handle pattern but one is a reversal and one is a continuation.
ทั้งสองกราฟสร้างรูปแบบ "ถ้วยและที่จับ" เหมือนกัน แต่รูปแบบหนึ่งเป็นรูปแบบกลับตัว และรูปแบบหนึ่งเป็นรูปแบบต่อเนื่อง
Looks good😱 ☄️
ดูดีนะ😱 ☄️
ความเห็นของผม
รูปแบบ "ถ้วยและที่จับ" เป็นรูปแบบราคาที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงในอนาคต รูปแบบกลับตัวจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวต้านของรูปแบบ รูปแบบต่อเนื่องจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวรับของรูปแบบ
ในกรณีนี้ รูปแบบของราคาทองคำเป็นรูปแบบกลับตัว แสดงว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต รูปแบบของราคาบิทคอยน์เป็นรูปแบบต่อเนื่อง แสดงว่าราคาบิทคอยน์มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปในแนวโน้มขาขึ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม รูปแบบราคาเป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างหนึ่งเท่านั้น การลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย เช่น ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
#TradingEducation
@tantrader |✅ Click
กราฟเปรียบเทียบราคาทองคำและราคาบิทคอยน์ ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ และ 3 วัน
Formed the same type of cup and handle pattern but one is a reversal and one is a continuation.
ทั้งสองกราฟสร้างรูปแบบ "ถ้วยและที่จับ" เหมือนกัน แต่รูปแบบหนึ่งเป็นรูปแบบกลับตัว และรูปแบบหนึ่งเป็นรูปแบบต่อเนื่อง
Looks good
ดูดีนะ
ความเห็นของผม
รูปแบบ "ถ้วยและที่จับ" เป็นรูปแบบราคาที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงในอนาคต รูปแบบกลับตัวจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวต้านของรูปแบบ รูปแบบต่อเนื่องจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวรับของรูปแบบ
ในกรณีนี้ รูปแบบของราคาทองคำเป็นรูปแบบกลับตัว แสดงว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต รูปแบบของราคาบิทคอยน์เป็นรูปแบบต่อเนื่อง แสดงว่าราคาบิทคอยน์มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปในแนวโน้มขาขึ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม รูปแบบราคาเป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างหนึ่งเท่านั้น การลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย เช่น ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
#TradingEducation
@tantrader |
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
กลยุทธ์ Scalping: เก็งกำไรระยะสั้น
สวัสดีนักเทรดทุกท่าน
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกลยุทธ์ Scalping ซึ่งเป็นกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นที่เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย มีลักษณะดังนี้
- ระยะเวลาการเทรดสั้น โดยทั่วไปจะใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงไม่กี่นาที ดังตัวอย่างในภาพที่มีระยะเวลาการเทรด 1 นาที 45 วินาทีและ 6 นาที
- ทำกำไรอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์นี้เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยซ้ำๆ ตลอดทั้งวัน
กลยุทธ์ Scalping เป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความรวดเร็วและการตัดสินใจที่เฉียบขาด ต้องมีกลยุทธ์การเข้าและออกที่ชัดเจน รวมถึงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดอยู่ตลอดเวลา จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่ชื่นชอบการเทรดแบบเร่งรีบและต้องการกำไรอย่างรวดเร็ว
ข้อดีของกลยุทธ์ Scalping
- สามารถสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็ว
- เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีเวลาเทรดน้อย
- เหมาะกับตลาดที่ผันผวนสูง
ข้อเสียของกลยุทธ์ Scalping
- มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากระยะเวลาการเทรดสั้น
- ต้องใช้ความรวดเร็วและการตัดสินใจที่เฉียบขาด
- ต้องใช้ทุนค่อนข้างมาก
เทคนิคการเทรด Scalping
นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping มักใช้เทคนิคการเทรดแบบ Technical Analysis เป็นหลัก โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เช่น เส้นกราฟ อินดิเคเตอร์ เป็นต้น เพื่อหาสัญญาณการซื้อขาย โดยสัญญาณการซื้อขายที่นิยมใช้กัน ได้แก่
- สัญญาณ Breakout คือสัญญาณการทะลุแนวต้านหรือแนวรับ
- สัญญาณ Trendline คือสัญญาณการกลับตัวหรือ continuation ของแนวโน้ม
- สัญญาณ Candlestick Pattern คือสัญญาณการกลับตัวหรือ continuation ของแนวโน้ม
นอกจากนี้ นักเทรด Scalping อาจใช้เทคนิคการเทรดแบบ Volume Analysis ร่วมด้วย เพื่อดูปริมาณการซื้อขาย ซึ่งสามารถช่วยยืนยันสัญญาณการซื้อขายได้
สรุป
กลยุทธ์ Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ
#Educational_Trading_Tips
#TradingEducation
@tantrader
สวัสดีนักเทรดทุกท่าน
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกลยุทธ์ Scalping ซึ่งเป็นกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นที่เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย มีลักษณะดังนี้
- ระยะเวลาการเทรดสั้น โดยทั่วไปจะใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงไม่กี่นาที ดังตัวอย่างในภาพที่มีระยะเวลาการเทรด 1 นาที 45 วินาทีและ 6 นาที
- ทำกำไรอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์นี้เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยซ้ำๆ ตลอดทั้งวัน
กลยุทธ์ Scalping เป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความรวดเร็วและการตัดสินใจที่เฉียบขาด ต้องมีกลยุทธ์การเข้าและออกที่ชัดเจน รวมถึงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดอยู่ตลอดเวลา จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่ชื่นชอบการเทรดแบบเร่งรีบและต้องการกำไรอย่างรวดเร็ว
ข้อดีของกลยุทธ์ Scalping
- สามารถสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็ว
- เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีเวลาเทรดน้อย
- เหมาะกับตลาดที่ผันผวนสูง
ข้อเสียของกลยุทธ์ Scalping
- มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากระยะเวลาการเทรดสั้น
- ต้องใช้ความรวดเร็วและการตัดสินใจที่เฉียบขาด
- ต้องใช้ทุนค่อนข้างมาก
เทคนิคการเทรด Scalping
นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping มักใช้เทคนิคการเทรดแบบ Technical Analysis เป็นหลัก โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เช่น เส้นกราฟ อินดิเคเตอร์ เป็นต้น เพื่อหาสัญญาณการซื้อขาย โดยสัญญาณการซื้อขายที่นิยมใช้กัน ได้แก่
- สัญญาณ Breakout คือสัญญาณการทะลุแนวต้านหรือแนวรับ
- สัญญาณ Trendline คือสัญญาณการกลับตัวหรือ continuation ของแนวโน้ม
- สัญญาณ Candlestick Pattern คือสัญญาณการกลับตัวหรือ continuation ของแนวโน้ม
นอกจากนี้ นักเทรด Scalping อาจใช้เทคนิคการเทรดแบบ Volume Analysis ร่วมด้วย เพื่อดูปริมาณการซื้อขาย ซึ่งสามารถช่วยยืนยันสัญญาณการซื้อขายได้
สรุป
กลยุทธ์ Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ
#Educational_Trading_Tips
#TradingEducation
@tantrader
ปัจจัยระบุแผนซื้อขาย
ปัจจัยทางเทคนิคเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาเมื่อสร้างแผนซื้อขาย
ปัจจัยพื้นฐานมีความสำคัญเช่นกัน แต่ควรพิจารณาควบคู่ไปกับปัจจัยทางเทคนิค
อ่านต่อ : https://tradertan.co/forums/topic/factors-determining-the-trading-plan/
#TradingEducation
@tantrader
ปัจจัยทางเทคนิคเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาเมื่อสร้างแผนซื้อขาย
ปัจจัยพื้นฐานมีความสำคัญเช่นกัน แต่ควรพิจารณาควบคู่ไปกับปัจจัยทางเทคนิค
อ่านต่อ : https://tradertan.co/forums/topic/factors-determining-the-trading-plan/
#TradingEducation
@tantrader
Trader Tan Community
Factors determining the trading plan - Trader Tan Community
ภาพนี้แสดงปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อสร้างแผนซื้อขาย ปัจจัยเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก :
สวัสดีเพื่อนๆเทรดเดอร์ทุกท่าน , 👋
ลองดูรูปแบบหลักทั้งสองนี้เพื่อความต่อเนื่องของเทรนด์🕯
'Rising Three Methods' บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไปหลังจากการลดลงเล็กน้อย🔼 📈
'Falling Three Methods' ส่งสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปหลังจากการชนกันเล็กน้อย🔽 📉
มองหารูปแบบเหล่านี้เสมอ & ซื้อขายอย่างชาญฉลาด!!✔️ 💵
อ่านต่อ : https://tradertan.co/forums/topic/rising-three-methods-vs-falling-three-methods/
#TradingEducation
@tantrader
ลองดูรูปแบบหลักทั้งสองนี้เพื่อความต่อเนื่องของเทรนด์
'Rising Three Methods' บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไปหลังจากการลดลงเล็กน้อย
'Falling Three Methods' ส่งสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปหลังจากการชนกันเล็กน้อย
มองหารูปแบบเหล่านี้เสมอ & ซื้อขายอย่างชาญฉลาด!!
อ่านต่อ : https://tradertan.co/forums/topic/rising-three-methods-vs-falling-three-methods/
#TradingEducation
@tantrader
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
Trader Tan Community
Rising Three Methods VS Falling Three Methods - Trader Tan Community
รูปแบบ Rising Three Methods และ Falling Three Methods สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ที่แข็งแกร่งว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อไป
Hello, Trader 👋, มาคุยกันเรื่อง
'Triple Bottom Pattern'🕯
รูปแบบก้นสามเป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้น มักปรากฏหลังจากขาลงยาวนาน
โดยมีจุดต่ำสามจุดที่ระดับใกล้เคียงกัน แสดงถึงแนวรับที่แข็งแกร่ง
ซึ่งผู้ขายไม่สามารถกดทะลุลงไปได้ เมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้าน ซึ่งเป็นจุดสูงระหว่างจุดต่ำ มักจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนเทรนด์.📈 🔼
จับตาดูการทะลุแนวต้านพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่ดี นั่นคือสัญญาณของจุดเข้าซื้อ potentiel สำหรับ long position.✔️
#TradingEducation
@tantrader
'Triple Bottom Pattern'
รูปแบบก้นสามเป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้น มักปรากฏหลังจากขาลงยาวนาน
โดยมีจุดต่ำสามจุดที่ระดับใกล้เคียงกัน แสดงถึงแนวรับที่แข็งแกร่ง
ซึ่งผู้ขายไม่สามารถกดทะลุลงไปได้ เมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้าน ซึ่งเป็นจุดสูงระหว่างจุดต่ำ มักจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนเทรนด์.
จับตาดูการทะลุแนวต้านพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่ดี นั่นคือสัญญาณของจุดเข้าซื้อ potentiel สำหรับ long position.
#TradingEducation
@tantrader
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
Trader Tan Community
Triple Bottom Pattern - Trader Tan Community
แพทเทิร์นนี้เป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้น มักปรากฏหลังจากราคาลงมาอย่างยาวนาน โดยจะมีจุดต่ำ 3 จุดที่ระดับใกล้เคียงกัน
Smart Money Concept: กลยุทธ์ “Supply & Demand” ที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้
ในโลกของการเทรดที่ขับเคลื่อนด้วยเงินทุนขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่า “Smart Money” เทรดเดอร์ระดับสถาบันจะไม่วิ่งไล่ราคาตามเทรนด์ แต่จะรอให้ราคาย้อนกลับมายัง “โซน” ที่พวกเขาเคยเข้าซื้อหรือขาย ซึ่งเราเรียกจุดเหล่านี้ว่า Supply & Demand Zones
⸻
Supply & Demand คืออะไร?
Supply Zone คือบริเวณที่มีแรงขายสูง ราคามักจะหยุดขึ้นและเด้งลงเมื่อแตะโซนนี้
Demand Zone คือบริเวณที่มีแรงซื้อหนาแน่น ราคามักเด้งกลับขึ้นเมื่อแตะโซนนี้
จุดเด่นของโซนเหล่านี้คือกว้างกว่าระดับแนวรับ-แนวต้านทั่วไป และมักจะมีเหตุผลพื้นฐานรองรับ เช่น ข่าวเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย หรือความเคลื่อนไหวของธนาคารกลาง
⸻
🔁
รูปแบบราคาที่บ่งบอกว่าเป็นโซนสำคัญ
หนึ่งในรูปแบบที่นิยมมากคือ Rally-Base-Drop (RBD) และ Drop-Base-Rally (DBR)
“Base” หมายถึงช่วงที่ราคาหยุดนิ่งหรือ Sideway ชั่วคราว ก่อนเกิดการเคลื่อนไหวแรงจากแรงซื้อ/ขายของ Smart Money
• Rally-Base-Drop คือ ราคาเด้งขึ้น → พักตัว → ร่วงลงแรง = โซน Supply
• Drop-Base-Rally คือ ราคาเทลง → พักตัว → ดีดกลับแรง = โซน Demand
⸻
✅
กลยุทธ์เข้าเทรดแบบ Smart Money
ขั้นแรก รอให้ราคากลับมายังโซน Base ที่เราวิเคราะห์ไว้
จากนั้นสามารถตั้ง Buy Limit (ถ้าเป็น Demand) หรือ Sell Limit (ถ้าเป็น Supply) รอที่บริเวณโซน
ควรวาง Stop Loss ใต้โซน Demand หรือเหนือโซน Supply เพื่อป้องกันความเสี่ยง
กำหนด Take Profit ตามแนวรับหรือแนวต้านถัดไป หรือใช้ Risk/Reward ประมาณ 1:2 หรือมากกว่า
⸻
💡
ข้อดีของกลยุทธ์นี้
• คุณไม่ต้องไล่ราคาตามเทรนด์ แต่สามารถตั้งออเดอร์รอแบบชาญฉลาด
• ได้จุดเข้าเทรดที่มี Risk/Reward คุ้มค่า
• เห็นจังหวะที่ “Smart Money” อาจกำลังเข้าตลาด
⸻
📌 สรุป
Supply & Demand Trading คือหนึ่งในแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการเทรดแบบสถาบัน ใช้หลักการวิเคราะห์โซนที่มีอิทธิพลต่อราคา ไม่ใช่แค่เส้นกราฟธรรมดา โดยการรอราคากลับมายังโซนสำคัญและเทรดในจุดที่คุมความเสี่ยงได้
หากคุณเข้าใจโซนเหล่านี้ และจัดการความเสี่ยงดีพอ มันจะเป็นอีกหนึ่ง “เครื่องมือลับ” ที่เปลี่ยนแนวทางการเทรดของคุณได้เลย
⸻
💬 คุณเคยใช้แนวคิด Smart Money แบบนี้หรือไม่? แล้วได้ผลอย่างไรกับพอร์ตของคุณ? มาแชร์กันในคอมเมนต์ได้เลยครับ!
📲 เริ่มเทรดกับ Olymp Trade ได้แล้ววันนี้
https://olymp.gl/DYxYx เข้ากลุ่มเพื่อเทรดสดๆ
#SmartMoney #SupplyDemandZones #TradingEducation #RiskManagement
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM