นโยบาย “Reciprocal Tariffs” ของทรัมป์: ปกป้องอุตสาหกรรมอเมริกัน หรือเปิดฉากสงครามการค้าใหม่?
เมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศใช้ ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ตลาดการเงินตอบรับทันทีด้วยแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยง (US500, US100, BTCUSD) รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวลดลง
⸻
ภาพรวมจากแผนภูมิ:
ในแผนภูมิแสดงอัตราภาษีที่ประเทศต่าง ๆ เรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ (Tariffs Charged to the U.S.) เทียบกับ อัตราภาษีตอบโต้ (U.S. Discounted Reciprocal Tariffs) ที่สหรัฐฯ จะตั้งขึ้นเพื่อตอบโต้ให้ “สมดุล”
⸻
⚠️
ผลกระทบต่อตลาดโลก
🔻 1. ความเสี่ยงของสงครามการค้า (Trade War)
• การขึ้นภาษีอาจจุดชนวนให้ประเทศคู่ค้าสำคัญ ตอบโต้กลับ ด้วยมาตรการจำกัดสินค้าสหรัฐฯ
• ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
• นักลงทุนเทขาย USD เพื่อหนีความไม่แน่นอน
• การเก็งกำไรว่า Fed อาจจำเป็นต้องใช้นโยบายผ่อนคลายเพื่อรองรับผลกระทบ
• ดัชนี US500 และ US100 ตอบสนองด้วยการปรับฐานทันที
• BTCUSD ที่เคลื่อนไหวแบบสินทรัพย์เสี่ยง เริ่มดิ่งลงตามความผันผวนของตลาด
สรุป:
การตั้งภาษีตอบโต้ของทรัมป์คือ จุดเปลี่ยนเชิงภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจ ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการค้าที่กว้างขึ้น
ในขณะที่เขาอ้างว่าเป็นการปกป้องแรงงานและอุตสาหกรรมอเมริกัน แต่ตลาดโลกเริ่มส่งสัญญาณว่า ความไม่แน่นอน กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
📉
Correction
รอบนี้ยังไม่จบ…คุณพร้อมหรือยัง?
💬 คิดเห็นอย่างไรกับนโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์? เป็นโอกาสหรืออันตรายต่อพอร์ตคุณ? คอมเมนต์ด้านล่างได้เลย! 👇
#TradeWar #ReciprocalTariffs #TrumpPolicy #MarketRisk #US500 #BTCUSD #ForexNews
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM
การกลับมาของ “Super Tariff” สหรัฐฯ กับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง?
จากภาพและข้อมูลล่าสุด “U.S. Weighted-Average Tariff Rate” พบว่า หลังจากการประกาศนโยบายภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump เมื่อวันที่ 2 เมษายน (4/2 Announcement) อัตราภาษีถัวเฉลี่ยของสหรัฐฯ อาจพุ่งแตะ 29% ซึ่งนับว่า สูงที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี
⸻
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?
• เป็นกฎหมายที่ผลักดันให้สหรัฐฯ เพิ่มภาษีสินค้าเข้าอย่างรุนแรง
• จุดสูงสุดของอัตราภาษี ณ ขณะนั้นอยู่ที่ เกิน 20%
• ส่งผลรุนแรง: ประเทศคู่ค้าตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีเช่นกัน
• ผลลัพธ์: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Depression) ลุกลามไปทั่วโลก
⸻
⚠️
อะไรคือผลกระทบของภาษี 29% วันนี้?
• บริษัทสหรัฐฯ ที่พึ่งพาวัตถุดิบและสินค้าเข้าจากต่างประเทศจะได้รับผลกระทบ
• ทำให้ราคาสินค้าในประเทศสูงขึ้น → ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระ
• ประเทศคู่ค้า เช่น จีน, EU, เม็กซิโก มีแนวโน้มจะออกมาตรการตอบโต้
• อาจจุดชนวน สงครามการค้าเต็มรูปแบบ แบบที่เคยเกิดขึ้นช่วง 2018–2019
📉 3. เสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย (Global Recession)
• ทั้ง UBS และ Axios ได้ออกคำเตือนว่า นโยบายภาษีในระดับนี้อาจนำโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
• หากห่วงโซ่อุปทานสะดุดจากการขึ้นภาษี สินค้าโลกจะแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะลดลงอย่างรวดเร็ว
⸻
📈 เทียบกับยุคหลังสงครามโลก:
แนวโน้มภาษีลดลงต่อเนื่อง
• หลังการลงนามใน GATT ปี 1947 (General Agreement on Tariffs and Trade)
→ อัตราภาษีของสหรัฐฯ ลดลงเรื่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการค้าเสรี
• ช่วงปี 1990–2020: ภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำสุด ต่ำกว่า 5%
• การกลับมาสู่ระดับ เกือบ 30% อาจถูกมองว่า “ย้อนยุค” และอันตราย
📢
บทสรุป:
• ภาษีถัวเฉลี่ย 29% เป็นระดับที่ สหรัฐฯ ไม่ได้เห็นมานานกว่า 90 ปี
• ประวัติศาสตร์เตือนว่า การตั้งภาษีสูงสุดเคยพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะตกต่ำ
• นักลงทุน นักธุรกิจ และรัฐบาลทั่วโลกต้องจับตานโยบายนี้อย่างใกล้ชิด
💬 คุณคิดว่าอัตราภาษีระดับนี้จะนำไปสู่วิกฤตใหม่หรือเป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ?
#Tariffs #TrumpPolicy #TradeWar #GlobalRecession #SmootHawley #HistoryRepeats
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM