ได้เวลาเลือกผู้นำประเทศคนใหม่มาตัดสินชะตาอเมริกันชนกันแล้ว แนวโน้มราคา 🇺🇸USD มีโอกาสไปในทิศทางใดบ้าง ⁉️
ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งผู้นำประเทศคนใหม่ขึ้นทุกๆ 4 ปี และตัวเต็งสำคัญในครั้งนี้คือ โดนัลด์ เจ ทรัมป์ (#Donald J. Trump) 👨 ประธานาธิบดีสหรัฐคนล่าสุด และนายโจ บิเดน (#Joe Biden) ผู้เข้าชิงตำแหน่ง
ซึ่งในบทความฉบับนี้ ผมได้วิเคราะห์ถึงโอกาส และความน่าจะเป็นไปได้ต่อตลาดการเงินในด้านต่างๆ ได้แก่
ในด้านตลาดหุ้นที่เกี่ยวกับยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicles Stocks) ได้แก่ #Tesla, #Toyota, และ #ETFs ที่เกี่ยวข้อง
หากทรัมป์ชนะ: ราคาขึ้น (BUY) 📈 เพราะมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ และจะลดภาษีที่เกี่ยวข้องลงด้วย
หากบิเดนชนะ: ราคาขึ้น (BUY)📈 เพราะมีนโยบายเสนอเงินทุน 2 ล้านล้านดอลล่า เพื่อการสร้างพลังงานที่สะอาด
#Forex คู่เงิน EUR🇪🇺, GBP🇬🇧, AUD🇦🇺
หากทรัมป์ชนะ: ราคาลง (SELL)🔻 ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้า เพราะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับจีน
หากบิเดนชนะ: ราคาขึ้น (BUY)📈 เพราะต้องการฟื้นฟูสัมพันธมิตรกับนาโต้ (NATO)
Forex คู่เงิน USD, JPY 🇺🇸🇯🇵, และพันธบัตรรัฐบาล (US bonds)
หากทรัมป์ชนะ: ราคาขึ้น (BUY) 📈
เพราะทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน
หากบิเดนชนะ: ราคาลง (SELL) 🔻
เพราะบิเดนต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีทางการค้าที่ดีกับจีน
สินค้าโภคภัณฑ์ (#Commodities) ได้แก่ ทองคำ, แร่เงิน, น้ำมัน, และ ETFs ที่เกี่ยวข้อง
หากทรัมป์ชนะ: ราคาลง (SELL)🔻 เพราะจะมีอุปทาน (Supply) ที่สูงขึ้น
หากบิเดนชนะ: ราคาขึ้น (BUY) 📈
เพราะนักลงทุนเตรียมที่จะไล่ซื้อเรื่อยๆในตลาดแนวโน้มขาขึ้นยาวๆ จังหวะที่มีการย่อตัวลง (Buy on Dip)
อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงการคาดการณ์ส่วนตัวเท่านั้น ‼️ มิใช่การทำนายหรือรับรองว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะต้องเป็นเช่นนี้เสมอ
โปรดใช้วิจารณญาณในการเทรดทุกคู่เงิน 🇺🇸 USD อย่างระมัดระวังด้วยนะครับ
ด้วยความหวังดีจาก #Trader Tan
ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งผู้นำประเทศคนใหม่ขึ้นทุกๆ 4 ปี และตัวเต็งสำคัญในครั้งนี้คือ โดนัลด์ เจ ทรัมป์ (#Donald J. Trump) 👨 ประธานาธิบดีสหรัฐคนล่าสุด และนายโจ บิเดน (#Joe Biden) ผู้เข้าชิงตำแหน่ง
ซึ่งในบทความฉบับนี้ ผมได้วิเคราะห์ถึงโอกาส และความน่าจะเป็นไปได้ต่อตลาดการเงินในด้านต่างๆ ได้แก่
ในด้านตลาดหุ้นที่เกี่ยวกับยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicles Stocks) ได้แก่ #Tesla, #Toyota, และ #ETFs ที่เกี่ยวข้อง
หากทรัมป์ชนะ: ราคาขึ้น (BUY) 📈 เพราะมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ และจะลดภาษีที่เกี่ยวข้องลงด้วย
หากบิเดนชนะ: ราคาขึ้น (BUY)📈 เพราะมีนโยบายเสนอเงินทุน 2 ล้านล้านดอลล่า เพื่อการสร้างพลังงานที่สะอาด
#Forex คู่เงิน EUR🇪🇺, GBP🇬🇧, AUD🇦🇺
หากทรัมป์ชนะ: ราคาลง (SELL)🔻 ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้า เพราะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับจีน
หากบิเดนชนะ: ราคาขึ้น (BUY)📈 เพราะต้องการฟื้นฟูสัมพันธมิตรกับนาโต้ (NATO)
Forex คู่เงิน USD, JPY 🇺🇸🇯🇵, และพันธบัตรรัฐบาล (US bonds)
หากทรัมป์ชนะ: ราคาขึ้น (BUY) 📈
เพราะทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน
หากบิเดนชนะ: ราคาลง (SELL) 🔻
เพราะบิเดนต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีทางการค้าที่ดีกับจีน
สินค้าโภคภัณฑ์ (#Commodities) ได้แก่ ทองคำ, แร่เงิน, น้ำมัน, และ ETFs ที่เกี่ยวข้อง
หากทรัมป์ชนะ: ราคาลง (SELL)🔻 เพราะจะมีอุปทาน (Supply) ที่สูงขึ้น
หากบิเดนชนะ: ราคาขึ้น (BUY) 📈
เพราะนักลงทุนเตรียมที่จะไล่ซื้อเรื่อยๆในตลาดแนวโน้มขาขึ้นยาวๆ จังหวะที่มีการย่อตัวลง (Buy on Dip)
อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงการคาดการณ์ส่วนตัวเท่านั้น ‼️ มิใช่การทำนายหรือรับรองว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะต้องเป็นเช่นนี้เสมอ
โปรดใช้วิจารณญาณในการเทรดทุกคู่เงิน 🇺🇸 USD อย่างระมัดระวังด้วยนะครับ
ด้วยความหวังดีจาก #Trader Tan
ปริมาณทองคำและเงินพุ่งแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์!
“Wall-to-Wall With Gold and Silver” – เมื่อความต้องการโลหะมีค่าไม่ได้อยู่แค่ในกระดาษ แต่เป็นของจริงในคลัง COMEX”
⸻
ภาพรวมจากกราฟ:
จากข้อมูลล่าสุดของ CME และ Bloomberg (อัปเดต ณ วันที่ 25 มีนาคม 2025)
• ทองคำ (Gold): ปริมาณในคลัง COMEX พุ่งทะลุ 40 ล้านออนซ์
• เงิน (Silver): ปริมาณทะลุ 400 ล้านออนซ์
⸻
วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น:
🔸 ความต้องการ “ของจริง” กำลังเพิ่มขึ้น
จากเดิมนักลงทุนมักใช้ทองคำและเงินเพื่อ เก็งกำไรผ่านสัญญาฟิวเจอร์ส (Paper Contracts) แต่ตอนนี้กำลังมีการ ดึงโลหะมีค่าเข้าสู่คลังจริง (Physical Demand) อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
🔸 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจเป็นตัวกระตุ้น
• ภาวะเงินเฟ้อกลับมา
• ตลาดหุ้นแกว่งตัวสูง
• ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics)
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ นักลงทุนสถาบันหรือรายใหญ่เริ่มหันมากระจายความเสี่ยงเข้าสู่ทองคำและเงินในรูปแบบของจริง
🔸 ปริมาณสูง = สะสม หรือ เตรียมขาย?
แม้ตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้น แต่ก็อาจหมายถึง 2 มุมมองได้:
1. นักลงทุน “เก็บสะสม” เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging)
2. หรือเป็นการ เตรียม “ขาย” ในช่วงที่ราคาพุ่งสูง เมื่อถึงระดับเป้าหมาย
⸻
❓นี่เป็นสัญญาณของ “ความขาดแคลน” หรือ “แผนป้องกันของรายใหญ่”?
💬 มุมมอง 1: ความขาดแคลนในตลาด
• อาจบ่งบอกว่าระบบการเงินเริ่มมีความไม่มั่นคง
• นักลงทุนต้องการของจริงในมือ แทนการถือ “สัญญากระดาษ” ที่มีความเสี่ยง
💬 มุมมอง 2: รายใหญ่กำลังป้องกันพอร์ต
• เมื่อความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น พอร์ตการลงทุนจะปรับไปยัง “Safe Haven” อย่างทองคำและเงิน
• ปริมาณโลหะในคลังที่เพิ่ม อาจหมายถึง “แนวรับแรงของตลาด” กำลังถูกสร้างขึ้น
⸻
📢
สรุป:
✅ ทองคำและเงินไม่ได้เป็นเพียงแค่ “สินทรัพย์ทางเลือก” อีกต่อไป
✅ ปริมาณการสะสมที่สูงเป็นประวัติการณ์สะท้อนถึง “ความกังวล” และ “การเตรียมพร้อม” ของนักลงทุนมืออาชีพ
✅ จับตาตลาดโลหะมีค่าในปี 2025 ให้ดี เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ ขาขึ้นรอบใหม่
💬 แล้วคุณล่ะ? คิดว่าแนวโน้มทองคำและเงินจะเป็นอย่างไรต่อไปในปีนี้? แบ่งปันมุมมองของคุณด้านล่างได้เลย! 👇
#Gold #Silver #Commodities #MarketInsights #SafeHaven
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM