การกลับมาของ “Super Tariff” สหรัฐฯ กับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง?
จากภาพและข้อมูลล่าสุด “U.S. Weighted-Average Tariff Rate” พบว่า หลังจากการประกาศนโยบายภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump เมื่อวันที่ 2 เมษายน (4/2 Announcement) อัตราภาษีถัวเฉลี่ยของสหรัฐฯ อาจพุ่งแตะ 29% ซึ่งนับว่า สูงที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี
⸻
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?
• เป็นกฎหมายที่ผลักดันให้สหรัฐฯ เพิ่มภาษีสินค้าเข้าอย่างรุนแรง
• จุดสูงสุดของอัตราภาษี ณ ขณะนั้นอยู่ที่ เกิน 20%
• ส่งผลรุนแรง: ประเทศคู่ค้าตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีเช่นกัน
• ผลลัพธ์: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Depression) ลุกลามไปทั่วโลก
⸻
⚠️
อะไรคือผลกระทบของภาษี 29% วันนี้?
• บริษัทสหรัฐฯ ที่พึ่งพาวัตถุดิบและสินค้าเข้าจากต่างประเทศจะได้รับผลกระทบ
• ทำให้ราคาสินค้าในประเทศสูงขึ้น → ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระ
• ประเทศคู่ค้า เช่น จีน, EU, เม็กซิโก มีแนวโน้มจะออกมาตรการตอบโต้
• อาจจุดชนวน สงครามการค้าเต็มรูปแบบ แบบที่เคยเกิดขึ้นช่วง 2018–2019
📉 3. เสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย (Global Recession)
• ทั้ง UBS และ Axios ได้ออกคำเตือนว่า นโยบายภาษีในระดับนี้อาจนำโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
• หากห่วงโซ่อุปทานสะดุดจากการขึ้นภาษี สินค้าโลกจะแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะลดลงอย่างรวดเร็ว
⸻
📈 เทียบกับยุคหลังสงครามโลก:
แนวโน้มภาษีลดลงต่อเนื่อง
• หลังการลงนามใน GATT ปี 1947 (General Agreement on Tariffs and Trade)
→ อัตราภาษีของสหรัฐฯ ลดลงเรื่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการค้าเสรี
• ช่วงปี 1990–2020: ภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำสุด ต่ำกว่า 5%
• การกลับมาสู่ระดับ เกือบ 30% อาจถูกมองว่า “ย้อนยุค” และอันตราย
📢
บทสรุป:
• ภาษีถัวเฉลี่ย 29% เป็นระดับที่ สหรัฐฯ ไม่ได้เห็นมานานกว่า 90 ปี
• ประวัติศาสตร์เตือนว่า การตั้งภาษีสูงสุดเคยพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะตกต่ำ
• นักลงทุน นักธุรกิจ และรัฐบาลทั่วโลกต้องจับตานโยบายนี้อย่างใกล้ชิด
💬 คุณคิดว่าอัตราภาษีระดับนี้จะนำไปสู่วิกฤตใหม่หรือเป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ?
#Tariffs #TrumpPolicy #TradeWar #GlobalRecession #SmootHawley #HistoryRepeats
Please open Telegram to view this post
VIEW IN TELEGRAM